วันที่ 23 มิ.ย.2568 เวลา 09.30 น.ที่รัฐสภา นางอังคณา นีละไพจิตร สว.กล่าวถึงโผครม."แพทองธาร 2" ว่า ไม่รู้สึกตื่นเต้น ไม่รู้สึกมีความหวัง ว่าสถานการณ์ภายในประเทศจะดีขึ้น หรือความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านจะดีขึ้น เพราะไม่มีอะไรใหม่ๆ ไม่มีคนที่เชื่อมั่นว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดูแล้วไม่มีคนใหม่ แต่มีคนที่น่าจะสมประโยชน์กันระหว่างพรรคการเมืองมากกว่า อาจจะไม่ใช่คนที่ดีที่สุดที่แต่ละพรรคควรจะส่งมา ขอพูดตรงๆว่าไม่ได้มีความหวัง
เมื่อถามว่าการปรับครม.ใหม่ครั้งนี้จะกู้วิกฤตหรือซ้ำเติมวิกฤตได้หรือไม่ นางอังคณา กล่าวว่า การที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บอกว่าไม่ลาออก ไม่ยุบสภา สิ่งเดียวที่ทำได้คือต้อง พยุงไว้ และเมื่อพยุงไป ปัญหาก็คือ คนดีๆ มีความสามารถมีความเชี่ยวชาญ เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่อยากมาร่วมกับรัฐบาล เพราะมองว่ารัฐบาลดูไม่มีเสถียรภาพ แต่ส่วนตัวยังมองอีกแง่หนึ่งว่ารัฐบาลอาจจะประคองจนถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ผ่าน นายกรัฐมนตรีอาจจะพิจารณาตัวเองมากกว่านี้หรือไม่
“ส่วนตัวยังมองว่าอยากให้นายกรัฐมนตรีลาออกเพื่อเปิดทาง ให้มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่เข้ามา และอยากจะขอให้ใช้วิธีการต่างๆที่จะเรียกความเชื่อมั่นศรัทธาคืนมา เพื่อให้คนที่ดีมีความสามารถ มีความรู้ ความเชี่ยวชาญเข้ามาร่วมรัฐบาลมากขึ้น เพราะเมื่อดูจากหน้าตารัฐบาลแล้วดูเหมือนเป็นคนเดิมๆ ที่ประชาชนเคยสิ้นหวังและคงต้องสิ้นหวังกันต่อไป” นางอังคณา กล่าว
เมื่อถามว่ารัฐบาลยังจะอยู่ได้นานหรือไม่ นางอังคณา กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่าจะแก้ปัญหาได้หรือไม่เพราะต้องยอมรับว่ารัฐบาลแพทองธาร เผชิญกับความท้าทายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาษีทรัมป์ สถานการณ์ในประเทศ ภัยพิบัติ และฝุ่น ซึ่งเป็นความท้าทายนายกรัฐมนตรีมาก และล่าสุดก็เป็นเรื่องคลิปเสียงอีก หลายเรื่องท้าทาย และเมื่อฟังคำให้สัมภาษณ์ของนายจักรภพ เพ็ญแข ที่บอกว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯมั่นใจว่า น.ส.แพทองธารไปต่อได้ เพราะมีความเข้มแข็ง
“ดิฉันมองว่าความเข้มแข็งอย่างเดียวไม่พอ เพราะความเข้มแข็งอย่างเดียวจะออกมาในแนวทู้ซี้อยู่ไป แต่การอยู่อย่างสง่างาม การอยู่ทำให้ประเทศชาติก้าวเดินต่อไปได้เป็นสิ่งสำคัญคืออยู่อย่างไรให้เป็นนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนมีความหวังที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดี เศรษฐกิจที่ดี ซึ่งถือเป็นเรื่องท้าทายนายกรัฐมนตรีมาก” นางอังคณาา กล่าว