จับตา! โผ ครม.อิ๊งค์2 “ภูมิธรรม” มท. 1 ‘ประเสริฐ’ จับกัง 1 “บิ๊กเล็ก” ลุ้นคุมกลาโหม ‘ปลัดตุ๋ม’ รองนายกฯ ควบรมว.พาณิชย์ 'เดชอิศม์' รมช.มหาดไทย ส่วน “พท.” แถลงย้ำรบ. “ไม่ลาออก-ยุบสภา” ยันเดินหน้าทำงานต่อ ส่วน “คณะรวมพลังแผ่นดิน” ปักหมุดอนุสาวรีย์ชัยฯ ปลุกมวลชนไล่ “อิ๊งค์” 28 มิ.ย.นี้ ยัน ไม่ใช่การเรียกร้องให้รัฐประหาร “จตุพร” ลั่นไม่หวั่น มือที่ 3 ป่วน เตรียมหารือ “ตำรวจนครบาล”ดูแลความปลอดภัยผู้ชุมนุม
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.68 น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ขอชี้แจงข้อมูล และข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริงครบถ้วน เนื่องจากปัจจุบันมีข้อมูลบางส่วนทำให้เข้าใจผิด หรือเข้าใจคลาดเคลื่อนสร้างความสับสนให้กับพี่น้องประชาชน จึงต้องการสร้างความมั่นใจให้ทราบว่ารัฐบาลชุดนี้จะเดินหน้าทำงานต่อเพื่อพี่น้องประชาชน และจะทำให้รัฐบาลมี เสถียรภาพ และดำเนินงานทุกอย่างไปอย่างต่อเนื่องไป โดย 1. มีข่าวลือว่าน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯจะลาออกหลังร่างพ.ร.บ.งบประมาณ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2569 ผ่านสภาฯในวาระ 3 โดยเมื่อวานนี้มีการเผยแพร่ข่าวว่านายกฯ รับหรืออาจตอบรับข้อเสนอของบางพรรคการเมืองบางพลัดจะลาออกตำแหน่ง หรือประกาศยุบสภาฯ ภายหลังร่างพ ร.บ.งบฯ69 ผ่านสภา'''ฯวาระ 3 ยืนยันว่าข่าวลือดังกล่าว ไม่เป็นความจริง
"ถือเป็นความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงอป็นอย่างยิ่งที่จะสร้างความสับสนให้สังคมและบั่นทอนเสถียรภาพของรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมานายกฯยืนยันชัดเจนจะไม่มีการลาออก และไม่มีการยุบสภาแต่อย่างใด"น.ส.ขัตติยา กล่าว
รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันในสภาวะที่ประเทศไทยของเราเผชิญความท้าทายในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านความมั่นคง ข้อพิพาทตามแนวชายแดน รวมถึงปัญหายาเสพติดอาชญากรรมทางไซเบอร์ ปัญหาค่าครองชีพของประชาชน ปัญหาสินค้าราคาเกษตรตกต่ำปัญหาปฏิรูปกลางทางการเมือง เป็นเหตุผลที่จำเป็นที่รัฐบาลเดินหน้าทำงานต่อทำงานต่อ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน เราจะเดินหน้าต่ออย่างเต็มที่สุดความสามารถ และภายหลังจากการปรับครม.จะเดินหน้าสานต่อภารกิจต่างๆ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธธรรมให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปราบปรามยาเสพติด การปราบปรามอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี ต้องยอมรับว่าตอนนี้มีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น และมีมาตรการที่จะแก้ไขหนี้สิน และลดค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชน รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจและการดึงดูดนักลงทุนใหม่ๆ
น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า ในระยะเวลา 2 ปีเศษที่เหลือของสภาฯ เรามีภารกิจนิติบัญญัติกฎหมายสำคัญต่างๆมากมายรอการพิจารณาของสภาฯ ซึ่งกฎหมายต่างๆจะส่งผลดีต่อด้านเศรษฐกิจ การลงทุน รวมถึงการปกป้องสิทธิมนุษยชน การปฏิรูปการเมืองของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการเดินหน้าเร่งเครื่องยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ การผลักดันร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่มีการเสนอมาทั้งจากพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาชนและรวมถึงพรรคประชาชน ซึ่งอยู่ในวาระแรกๆของสภาฯจะนำพิจารณา รวมถึงการผลักดันร่างกฎหมายที่จะยกระดับดึงดูดการลงทุนในด้านการท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้ใหม่ให้กับประเทศเช่น ร่างพ.ร.บ.สถาบันบันเทิงครบวงจร รวมทั้ง การผลักดันกฎหมายต่างๆเพื่อที่จะช่วยลดรายจ่ายของพี่น้องประชาชน เช่นกฎหมายชุด ที่จะนำไปทำรถไฟฟ้า ราคา 20 บาทตลอดสาย พ.ร.บ.ตั๋วร่วม หรือกฎหมาย อื่นๆ เช่น หวยเกษียณ บ้านเพื่อคนไทย สิ่งต่างๆเหล่านี้ รอการผลักดันของสภาฯ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นภารกิจของนายกฯ รวมถึงสส ของพรรคเพื่อไทย จะทำสำเร็จหาให้ได้ และยืนยันจะเดินหน้าต่อ หน้าต่อทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน
"ขอเรียกร้องไปยังผู้ที่มีเจตนาไม่หวังดี พยายามจะปล่อยข่าวลือ หยุดบิดเบือนข้อเท็จจริงและขอให้ยึดผลประโยชน์ของประเทศของประชาชนเป็นหลัก"น.ส.ขัตติยา กล่าว
น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า สาเหตุที่ไม่มีชื่อนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว. พลังงาน ได้รับมอบหมายงานจากคำสั่งนายกฯเมื่อวานนี้ทำให้เข้าใจผิดว่าถอดถอนออกจากรองนายกฯหรือไม่ ขอชี้แจงว่านายพีระพันธ์ ยังคงดำรงตำแหน่งรองนายกเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆส่วนเหตุผลที่ไม่มีชื่อในคำสั่งล่าสุดเพราะเป็นการมอบหมายงานเฉพาะกรณีให้รับช่วงภารกิจต่อจากนายอนุทิน ชาญวีรกุล อดีตรองนายกฯ ที่เพิ่งพ้นตำแหน่ง ซึ่งนายพีระพันธ์เองก็มีภารกิจมอบหมายอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องมีำสั่งเรื่องเพิ่มเติม จึงขอให้มั่นใจว่าการจัดโครงสร้างและมอบหมายงานครม.ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้บริหารงานเดินหน้าต่อไปได้เพื่อเกิดประโยชน์ของประเทศและประชาชน
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม. “อิ๊งค์ 2” ว่า ล่าสุด มีชื่อของ ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ลุ้นนั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหม โดยมีชื่อของพล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ อดีต ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และอดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก มีโอกาสมานั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหม แทนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม โดยตัวของนายภูมิธรรม จะถูกโยกไปรับตำแหน่ง รมว.มหาดไทย
ส่วนนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) จากเดิมที่เป็นตัวเต็ง รมว.มหาดไทย จะถูกโยกไปดำรงตำแหน่ง รมว.แรงงานแทน ขณะเดียวกันตำแหน่ง รมว.ดีอี มีชื่อ ของนายจักรพงษ์ แสงมณี อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวเต็งมานั่งเก้าอี้ รมว.ดีอี นอกจากนี้ยังมีชื่อ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช เข้ามานั่งเก้าอี้ รมช.มหาดไทย
ขณะที่ พรรคกล้าธรรม จะมีการสลับให้นายอรรถกร ศิริลัทธยากร มาดำรงตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ โดยจะโยกนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ไปดำรงตำแหน่ง รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ส่วน พรรคประชาธิปัตย์ นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข จะโยกไปนั่งเก้าอี้ รมช.มหาดไทย ส่วนโควตาเพิ่มหนึ่งที่นั่งมีชื่อนายชัยชนะ เดชเดโช มีชื่อตำแหน่ง รมช.สาธารณสุข
ขณะเดียวกันมีชื่อนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาดำรงตำแหน่ง รองนายกฯ รมว.พาณิชย์ ส่วนโควตาอื่นของพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังคงเดิม
เมื่อเวลา 12.26 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาถึงที่โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ภายหลังมีกระแสข่าวเชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล มาหารือ เพื่อแจ้งเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการ รวมถึงการจัดสรรโควตา ครม. อีก 8 ตำแหน่ง ตามความเหมาะสม หลังจากที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.)ได้ถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
ขณะที่ นายปริเยส อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย ตอบโต้กรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวว่า สส.พรรคบางส่วนจะเข้าร่วมรัฐบาล และมีรายชื่อบางรายจะได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี โดยยืนยันว่า "ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง และไม่ใช่มติของพรรคแต่อย่างใด" พรรคไทยสร้างไทย ยังคงยืนหยัดในจุดยืนทางการเมืองเดิม คือเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างชัดเจน ไม่สนับสนุนรัฐบาลที่บริหารประเทศด้วยแนวทางที่สวนทางกับอุดมการณ์ของพรรค หากมีสมาชิกคนใดต้องการเข้าร่วมรัฐบาล หรืออยากรับตำแหน่งรัฐมนตรี ขอให้แสดงความชัดเจนและลาออกจากพรรคก่อน เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ข้อบังคับพรรค และจริยธรรมทางการเมือง
นายปริเยส ระบุว่า พรรคไม่สนับสนุนการใช้ “เทคนิคทางการเมือง เทคนิคการเจรจา หรือเทคนิคการหาเสียง” เช่น การส่งนอมินีไปรับตำแหน่งแทน เพราะเป็นพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดข้อบังคับของพรรค และอาจสร้างความเสียหายทางภาพลักษณ์อย่างร้ายแรง ทั้งนี้ พรรคจะดำเนินการตามกฎหมายและข้อบังคับอย่างเคร่งครัดกับผู้ฝ่าฝืน
“แม้พรรคจะเพิ่งจัดตั้งได้ไม่นาน และยังไม่มีเวลาบ่มเพาะอุดมการณ์กับสมาชิกอย่างลึกซึ้ง แต่พรรคยึดมั่นในแนวทาง ‘การเมืองสุจริต’ และจะถือโอกาสนี้ปฏิรูปภายใน เพื่อเฟ้นหาคนดี มีความสามารถ และมีอุดมการณ์ร่วมกันอย่างแท้จริง” นายปริเยสกล่าว
โฆษกพรรค ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า นโยบาย “การเมืองสุจริต” ของพรรคได้รับความสนใจจากนักการเมืองรุ่นใหม่ อดีต สส. และผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ที่ต้องการเข้าร่วมขับเคลื่อนพรรค แต่ด้วยมารยาททางการเมือง พรรคยังไม่ขอเปิดเผยรายชื่อบุคคลเหล่านั้นในขณะนี้
ท้ายที่สุด พรรคไทยสร้างไทยขอเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันยุติวงจร “การเมืองทุจริต” ที่นำไปสู่การซื้อเสียง การตั้งรัฐบาลด้วยเสียงที่ไม่โปร่งใส และการคอร์รัปชันในระบบรัฐมนตรี พร้อมเชิญชวนสนับสนุนนโยบาย “การเมืองสุจริต” ของพรรคในการเลือกตั้งครั้งต่อไปเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ในช่วงที่รัฐบาลมีความเคลื่อนไหวเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี ได้มีข่าวลือเกี่ยวกับสมาชิกพรรคไทยสร้างไทยถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง พรรคจึงขอความร่วมมือจากพี่น้องสื่อมวลชนให้ตรวจสอบข้อมูลกับทีมโฆษกพรรคโดยตรง เพื่อหลีกเลี่ยงความคลาดเคลื่อนและให้การรายงานข่าวเป็นไปตามข้อเท็จจริงและจุดยืนของพรรคอย่างถูกต้องครบถ้วน
ส่วนที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แกนนำคณะรวมพลังแผ่นดิน นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ นายแก้วสรร อติโพธิ นายพิชิต ไชยมงคล เดินทางมาดูสถานที่ตั้งเวทีปราศรัยในการจัดชุมนุมใหญ่วันที่ 28 มิ.ย.นี้ โดยแกนนำคณะรวมพลังแผ่นดินได้เดินสำรวจบริเวณโดยรอบเกาะกลางของอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเพื่อดูจุดที่เหมาะสมในการตั้งเวทีกิจกรรม
ทั้งนี้ นายจตุพร กล่าวว่า ในวันนี้คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยได้นัดหมายมาดูจุดที่จะตั้งเวที ก็จะเลือกบริเวณจุดนี้ และในวันพรุ่งนี้ (23 มิ.ย.) เวลา 10.00 น จะนัดประชุมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยขณะนี้รัฐบาลพยายามงัดข้อกฎหมายทุกชนิดที่มาเล่นงานการชุมนุมเพื่อแสดงความรักชาติบ้านเมือง อย่างไรก็ตาม คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย เห็นว่าประเทศของเรานั้น ปัญหาที่จะนำไปสู่การเสียดินแดนมาจากรัฐบาล การเจรจาระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยกับประธานวุฒิสภาของกัมพูชาได้แสดงให้เห็นว่าเราไม่อาจไว้วางใจให้ทำหน้าที่ได้ต่อไป
“หวังว่ารัฐบาลจะไม่สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานอื่นใดมาขัดขวางในการสำแดงพลังเพื่อเป็นการปฏิบัติการตอบโต้คู่ขนานในภาคประชาชน พร้อมย้ำว่าทั้งหมดไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแต่เป็นเรื่องของชาติบ้านเมือง โดยการชุมนุมจะเริ่มตั้งแต่เวลา 16.00-21.00 น.และขอยืนยันว่าการมาชุมนุมครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการเรียกร้องให้มีการรัฐประหาร”
เมื่อถามว่ามีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องของมือที่ 3 ที่จะมาสร้างความปั่นป่วนหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ประเด็นการหารือกับตำรวจ บช.น.ในวันพรุ่งนี้นั้น คาดว่าจะเป็นการหารือเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัย ในเบื้องต้นอาจจะมีการตั้งจุดตรวจสอบร่วมระหว่างคณะรวมพลังแผ่นดินกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตรวจประชาชน กำหนดจุดพื้นที่ให้กับผู้ที่จะเข้ามาร่วมกิจกรรมการชุมนุม ก็เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย เชื่อว่ามือที่ 3 หรือว่าเท้าที่ 4 ก็คงจะไม่รอดและอีกหนึ่งเรื่องเพื่อความสบายใจในเรื่องของเงินบริจาคที่ประชาชนบริจาคเพื่อภารกิจในวันที่ 28 มิ.ย. จะเป็นบัญชีเฉพาะกิจ เพื่อใช้สำหรับงานวันเดียว จะได้ปิดปากข้อกล่าวหาต่างๆ โดยเงินที่เหลือทั้งหมดจะนำไปบริจาคให้กับกองทัพภาคที่ 2 ไม่ได้นำไปใช้ในเรื่องอื่นใด และต้องขออภัยที่เราคงไม่บริจาคผ่านทางนายกรัฐมนตรี
ส่วน นายปานเทพ กล่าวว่า การที่เรามาดูสถานที่ในวันนี้เพื่อแสดงความโปร่งใส และเปิดเผยว่าเราจะจัดชุมนุมสาธารณะให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่ขณะนี้ทราบว่ามีขบวนการเตะตัดขาภาคประชาชนที่จะแสดงความรักชาติรักแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นความคิดที่จะดำเนินคดีกับแกนนำทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นความคิดที่จะดำเนินข้อหาผิดกฎหมายจราจร หรือข้อกังวลอื่นๆ ของสถานพยาบาลโดยรอบ ทั้งหมดนี้พวกเรารับทราบ ทั้งนี้ ขอเรียนว่า จุดนี้จะเป็นจุดที่ใช้ในการชุมนุมแต่ลำโพงจะหันไปในทิศทางตรงกันข้ามกับโรงพยาบาลและเปิดช่องจราจรสำหรับผู้ป่วย
“ส่วนเรื่องเงินทุนที่สงสัยว่ามาจากไหน ณ วันนี้ทางมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินจะช่วยสนับสนุนเงินเบื้องต้นและจะตั้งบัญชีเพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบและจะแจ้งให้ประชาชนสามารถสมทบในการบริจาคเพื่อใช้ในการจัดกิจกรรมการชุมนุมได้ โดยในวันที่ 28 มิ.ย. จะมีการร้องเพลงชาติร่วมกันในเวลา 18.00 น หลังจากนั้นจะมีการอ่านแถลงการณ์และจบกิจกรรมในเวลา 21.00 น. “ดังนั้นจึงไม่ต้องถามว่าใครเป็นนายทุนอยู่เบื้องหลัง ไม่มีครับ มีแต่ประชาชนเท่านั้น” นายปานเทพ กล่าว
ทางด้าน นายศิริมงคล อินทร์แก้ว นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง และคณะกรรมการองค์การนักศึกษา ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีคลิปเสียงหลุดออกมา สร้างความกังวลใจให้คนไทยทั้งประเทศ ณ ลานพ่อขุนฯ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
แถลงการณ์องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหงเรื่อง ขอให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ในนามของเยาวชนและนักศึกษาผู้ยึดมั่นในหลักประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ และผลประโยชน์ของประเทศชาติ ขอออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนต่อสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนถึงภาวะวิกฤตทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ที่กำลังสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อประชาชนและประเทศชาติโดยรวมภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดปัจจุบัน นำโดยนายกรัฐมนตรีได้เกิดปัญหาหลากหลายที่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น 1. ความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจ ซึ่งนำไปสู่ภาวะค่าครองชีพสูง รายได้ลดลง หนี้สินครัวเรือนพุ่งสูงและ โอกาสทางเศรษฐกิจที่ไม่กระจายตัว 2. การบริหารจัดการปัญหาในพื้นที่ชายแดนและประเด็นความมั่นคง ที่ขาดความชัดเจน 3. กรณีมีการเผยแพร่ คลิปเสียงที่ถูกกล่าวอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจโดยมิชอบ ซึ่งกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมไทยอย่างกว้างขวาง และมีนัยยะสำคัญต่อจริยธรรมของผู้นำประเทศ
จากเหตุผลข้างต้น องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง เห็นว่า นายกรัฐมนตรีได้หมดความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ และไม่สามารถแก้ไขปัญหาของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไป ดังนั้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เราขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกจากตำแหน่งโดยทันที และพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคมีความรับผิดชอบโดยตรงในฐานะผู้ร่วมบริหารประเทศ หาก ยังคงดำรงอยู่ในรัฐบาลชุดนี้ ย่อมเท่ากับการสมยอมต่อความผิดพลาด และละเลยต่อเสียงเรียกร้องของประชาชน ที่กำลังเสื่อมศรัทธาอย่างรุนแรงเราจึงขอเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณาถอนตัวออกจากการร่วมบริหารประเทศในทันที เพื่อแสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อหลักจริยธรรมและความรับผิดชอบทางการเมืองเพื่อเปิดทางให้มี การ จัดตั้งรัฐบาลที่ยึดโยงกับประชาชนอย่างแท้จริง และสามารถฟื้นฟูศรัทธา ความมั่นคง และความยุติธรรมใน สังคมไทยได้พร้อมกันนี้ เราย้ำว่า เสียงของประชาชนคือรากฐานของประชาธิปไตย การรับฟังการเคารพ และการตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของประชาชน คือหน้าที่ของผู้นำที่แท้จริง
องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง จะยังคงยืนหยัดเคียงข้างประชาชนและเดินหน้าผลักดันการเปลี่ยนแปลงอย่างสันติ เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของประเทศ ด้วยจิตสำนึกต่อหน้าที่และความรับผิดชอบต่อสังคม จึงขอเชิญและเรียกร้องให้ นักศึกษา ประชาชนที่มีแนวคิดอุดมการณ์เดียวกันร่วมกันเรียกร้อง ร่วมกันขับเคลื่อน กับการแสดงพลังใหญ่ที่อนุสาวรียชัยสมรภูมิ วันที่ 28 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา16.00 น.เป็นต้นไป