วันที่ 22 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า จากกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ สั่งเข้มนำเข้ามันสำปะหลังจากกัมพูชา เข้ามายังประเทศไทย หลังพบความตึงเครียดของสถานการณ์การค้าชายแดน โดยจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เป็น 1ใน 6 จุดที่เคยเปิดให้นำเข้า สินค้าเกษตรจากกัมพูชาทั้งมันสำปะหลัง พริก และมะม่วงแก้วขมิ้น
ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ 2 การคุมเข้มนำเข้ามันสำปะหลัง โดยเจ้าหน้าที่ทหาร ที่ตรึงกำลังอยู่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ให้ข้อมูลว่า จนขณะนี้ไม่พบรถบรรทุกสินค้าเกษตรทั้งพริก มันเส้น มะม่วงแก้วขมิ้น นำเข้ามายังฝั่งไทยตั้งแต่ช่วงวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา ใกล้เคียงกับช่วงเวลาเดียวกับที่ทางฝั่งกัมพูชา ประกาศห้ามสินค้าเกษตรจากไทย กระทั่งพบการประกาศอย่างเป็นทางการ จากกระทรวงพาณิชย์เมื่อวานนี้(21 มิถุนายน) ก็ไม่พบรถสินค้าประเภทอื่นๆเข้ามายังฝั่งไทยเลยโดยรถขาเข้า ที่ข้ามกลับมายังไทย เป็นรถเปล่า ที่กลับมาหลังจากส่งสินค้ายังฝั่งประเทศกัมพูชาแล้ว ขณะเดียวกัน ไม่พบรถยนต์ฝั่งกัมพูชา ที่ขับข้ามแดนมาเติมน้ำมันในฝั่งไทยเช่นกัน หลังมีกระแสข่าวราคาน้ำมันฝั่งกัมพูชาจะมีการปรับขึ้นราคา รวมไปถึงการสั่งห้ามนำเข้าสินค้ากระป๋องจากฝั่งไทยทุกประเภท
ขณะที่ วินแท็กซี่ส่วนบุคคลรับจ้าง บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด บอกว่า หลังสถานการณ์ตึงเครียดราว 2 สัปดาห์ วันนี้กลับพบว่าชาวกัมพูชาเริ่มมาใช้บริการเช่าแท็กซี่ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น เพื่อเข้าไปยังตัวจังหวัดจันทบุรีส่วนใหญ่ เพื่อ พบแพทย์ โดยยืนยันว่าแม้จะมีความตึงเครียดที่เกิดขึ้นจากผู้นำ2 ประเทศ แต่พี่น้อง แรงงานข้ามชาติที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ชายแดน ยังคงเชื่อมั่นในนายจ้างและงานที่ทำของฝั่งไทย ว่ายังสามารถทำงาน และรับเงินค่าจ้างได้ตามปกติ รวมทั้งเรื่องความรู้สึก มิตรไมตรีของพี่น้องคนไทย ยังคงต้อนรับไม่มีการกีดกันหรือกดดัน
ส่วนเพจเฟซบุ๊ก ข่าวจันทบุรี ของสำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.จันทบุรี เปิดเผยถึง นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผวจ.จันทบุรี รายงานสถานการณ์ชายแดนในพื้นที่จังหวัดต่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่า แม้จะได้รับผลกระทบบางประการจากสถานการณ์ระดับประเทศ แต่ความสัมพันธ์ระหว่าง จ.จันทบุรี กับ จ.พระตะบอง และ จ.ไพลิน ของประเทศกัมพูชา ยังคงดำเนินไปตามปกติ ไม่พบการกระทบกระทั่งหรือความขัดแย้งในระดับพื้นที่
โดยเศรษฐกิจและการค้า การนำเข้า–ส่งออกสินค้าระหว่างประเทศผ่านแนวชายแดนยังคงดำเนินการได้เป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นบางกรณี โดยเฉพาะจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม ซึ่งขณะนี้ ปิดให้บริการสำหรับรถขนส่งสินค้า แต่ยังอนุญาตให้ประชาชนเดินเท้าผ่านเข้า–ออกได้ตามปกติ ในส่วนของจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด, จุดผ่อนปรนสวนส้ม และซับตารี การขนส่งสินค้ายังสามารถดำเนินการได้ โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าทั่วไป อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นสำหรับ “ผักและผลไม้” ซึ่งปัจจุบันทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา เห็นพ้องร่วมกันให้งดการนำเข้า–ส่งออกชั่วคราว เพื่อความเป็นธรรมทางการค้าและลดความขัดแย้ง ส่งผลให้ทุกด่านชายแดนต้องชะลอการเคลื่อนย้ายผักและผลไม้ในช่วงนี้ แม้จะต้องใช้เส้นทางอ้อมและมีระยะทางไกลขึ้น แต่ผู้ประกอบการ ยังสามารถปรับตัวและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้
ด้านพลังงาน ในส่วนของการใช้พลังงานไฟฟ้า ฝั่งไทยไม่ได้มีการตัดกระแสไฟไปยังฝั่งกัมพูชาแต่อย่างใด โดย จ.จันทบุรี มีจุดเชื่อมต่อไฟฟ้าทั้งหมด 3 จุด คิดเป็นมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท แต่ฝั่งกัมพูชา ได้ระงับการใช้ไฟฟ้าฝั่งไทยชั่วคราว ซึ่งเป็นการตัดสินใจภายในของฝั่งกัมพูชาเอง ส่วนการท่องเที่ยวและการเดินทาง ประชาชนยังสามารถเดินทางข้ามแดนเพื่อทำงานได้ตามปกติ มีการตรวจเข้ม แต่ปริมาณนักท่องเที่ยวลดลงอย่างชัดเจน เนื่องจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ระดับประเทศ ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ต้องการเดินทางข้ามแดนเพื่อท่องเที่ยวในช่วงนี้
สำหรับความมั่นคงนั้น ไม่มีรายงานการเคลื่อนไหวของกำลังพล หรือการเสริมกำลังทางทหาร อาวุธ หรือยุทโธปกรณ์ มีเพียงการเพิ่มรอบการลาดตระเวน เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ขณะที่ประชาชนบริเวณแนวชายแดน ราว 10,000 คน ได้รับการแจ้งเตือนและฝึกซ้อมการอพยพตามแผนที่จัดไว้ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยมีการเตรียมพื้นที่รองรับ เช่น โรงเรียนประจำอำเภอ 3 แห่ง ที่ว่าการอำเภอ 1 แห่ง รวม 4 แห่ง และโรงพยาบาลสนาม 2 แห่ง พร้อมดำเนินการตามแผนอพยพในทันทีหากมีสัญญาณเตือน
รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างแดน นายมนต์สิทธิ์ ผวจ.จันทบุรี ย้ำว่า หลังจากที่ได้พูดคุยหลายครั้ง ความสัมพันธ์ระหว่าง จ.จันทบุรี กับ จ.พระตะบอง และ จ.ไพลิน ไม่เคยเกิดเหตุปะทะหรือความขัดแย้งแม้ในช่วงปี 2554 ที่สถานการณ์ตึงเครียดมากกว่าปัจจุบัน และในครั้งนี้ ก็ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงในระดับท้องถิ่น เพียงแต่สถานการณ์ระดับประเทศบานปลาย ทำให้ทุกฝ่ายต้องเฝ้าระวัง เตรียมพร้อม และปรับตัวทั้งด้านเศรษฐกิจและความปลอดภัยอย่างรอบคอบ