วันที่ 22 มิ.ย.2568 เวลา 10.00 น.ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.ขัตติยา  สวัสดิผล รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ส่วนของข้อพิพาทแนวชายแดนและความสัมพันธ์กับกัมพูชา รัฐบาลตระหนักถึงความละเอียดอ่อนของสถานการณ์ และดำเนินการภายใต้กรอบการทูตและความมั่นคงอย่างรอบคอบ โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน และความสงบเรียบร้อยของพี่น้องประชาชน ดังนั้นการแสดงออกของ อดีตผู้นำประเทศกัมพูชาเป็นพฤติกรรมที่ผ่านมาถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมส่งผลกระทบต่อบรรยากาศของความร่วมมือของระดับทวิภาคีของทั้งสองประเทศ

รัฐบาลไทยจึงต้องดำเนินมาตรการตอบโต้ที่ชัดเจน แต่ยังคงยึดหลักสงบและสันติเป็นที่ตั้ง โดยมาตรการต่างๆที่รัฐบาลได้ดำเนินการไปแล้วเช่นการควบคุมเปิด-ปิดจุดผ่านแดนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตามกรอบของมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีการยื่นหนังสือประท้วงต่อเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย และเชิญเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชา ให้กลับมาประชุมเพื่อที่จะหารือข้อราชการต่างๆ และตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต และได้มีการควบคุมนักท่องเที่ยว และแรงงานไทยที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมในฝั่งกัมพูชา โดยเฉพาะในธุรกิจกาสิโน การพนันออนไลน์ และมีการเพิ่มความเข้มงวดของการนำเข้าสินค้าบางรายการ เช่นมันสำปะหลัง กระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบแล้ว

น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า มาตรการเหล่านี้ จะจัดลำดับขั้นตามความเหมาะสม เพื่อที่จะรักษาดุลยภาพของ 2 ประเทศไว้ได้และเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านในระยะยาวด้วย จึงขอเน้นย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้มีความประสงค์ที่จะให้สถานการณ์บานปลายแต่อย่างใด แต่จำเป็นต้องดำเนินนโยบายที่จำเป็นเพื่อจะปกป้องอธิปไตย และศักดิ์ศรีของประเทศไทย

ซึ่งในช่วงเวลานี้ขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่านช่วยกันตรวจสอบรวมถึงส่งต่อข้อมูลด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ที่ถูกเผยแพร่ในช่องทางโซเชียลมีเดีย หรือสื่อออนไลน์ ซึ่งอาจผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศโดยไม่เจตนา ทางเราก็จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและจะดำเนินการต่างๆด้วยความรอบคอบ เพื่อความมั่นคงของประเทศ และพี่น้องประชาชน

"ขอย้ำว่ารัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย จะยังคงยืนหยัดทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างสุดความสามารถ รวมทั้งจะรักษาความต่อเนื่องของฝ่ายบริหารต่อไป และจะไม่ปล่อยให้ข่าวลือ หรือข้อมูลที่ผิดพลาดจากความเป็นจริงนั้น มาเป็นอุปสรรคในการทำงานให้กับพี่น้องประชาชน" น.ส.ขัตติยา กล่าว