นครพนม : นายสมพล พงษ์พิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า แนวทางการหาเสียงเลือกตั้ง รวมถึงการสนับสนุนการหาเสียงเลือกตั้ง ทั้งว่าที่ผู้สมัคร รวมถึง ข้าราชการ นักการเมืองท้องถิ่น ต้องทำความเข้าใจ เนื่องจากปัจจุบัน อาจมีการเข้าใจผิด หรือไม่รู้เกี่ยวกับข้อกฎหมาย เนื่องจากในกฎหมายบอกไว้ชัดเจน ว่า เจ้าหน้าที่รัฐ ข้าราชการ นักการเมือง ท้องถิ่น ต้องไม่ใช้ตำแหน่ง อำนาจหน้าที่ กระทำการใดอันเป็นคุณเป็นโทษ กับพรรคการเมือง รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร ต้องวางตัวเป็นกลาง หากมีการ ขึ้นเวที หรือกระทำการใด ในการช่วยว่าที่ผู้สมัคร หาเสียง ถือว่าเข้าข่ายผิดกฎหมาย นายสมพล กล่าวต่อว่า ซึ่งนอกจากกฎหมายเลือกตั้ง ยังมี มติคณะรัฐมนตรี ปี 2539 ที่ออกระเบียบไว้ ในเรื่องกำชับให้วางตัวเป็นกลาง ในส่วนของ กกต.นครพนม ได้มีหนังสือ เสนอ ผวจ.นครพนม เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2562 ในการออกคำสั่งแจ้งแนวทางการปฏิบัติตัว ของ เจ้าหน้าที่รัฐ ข้าราชการ รวมถึงนักการเมืองท้องถิ่น รวมถึงบุคคลที่กฎหมายบังคับไว้ ในการวางตัวเป็นกลาง ตาม พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน 2551 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติแก่ทุกหน่วยงาน จึงขอเน้นย้ำให้ทำความเข้าใจ หากมีการกระทำผิด ไม่ว่าจะมีการร้องเรียน หรือไม่ร้องเรียน หากมีข้อมูล หรือรับทราบจากช่องทางไหนก็ตาม ทาง กกต.จะต้องมีการสืบสวน รวบรวมหลักฐาน ส่ง สรุป ส่ง กกต.กลาง พิจารณา หากเข้าข่ายความผิด จะต้องลงโทษทางกฎหมาย มีทั้งวินัย อาญา โทษ ขั้นติดคุก “สำหรับ กรณี นายก อบจ.นครพนม รวมถึง ส.อบจ. ที่มีข้อมูลว่า มีการขึ้นเวทีสนับสนุนพรรคการเมือง ในการหาเสียง เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา ทาง กกต.กำลังรวบรวมหลักฐาน สืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อสรุปส่ง กกต.กลาง พิจารณาว่าเข้าข่ายกระทำความผิดในการวางตัวเป็นกลาง ตาม พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน 2551 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 รวมถึงคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ออกไว้หรือไม่ โดยมีการเสนอ กกต.กลางพิจารณาต่อไป ยืนยันว่า กกต.เป็นหน่วยงานอิสระ ไม่ขึ้นตรงกับใคร ยืนยันทำงานตรงไปตรงมา” นายสมพล กล่าว