วันที่ 20 มิ.ย.เวลา 09.45 น. ที่รัฐสภา  นายวันมูหะมัดนอร์​ มะทา​ ประธานสภาผู้แทนราษฎร​ กล่าวถึงกรณี สถานการณ์การเมืองขณะนี้ ที่เสียงสส.​ในสภา​ ของฝ่ายและรัฐบาลมีการปรับเปลี่ยนว่า การเมือง ก็เปลี่ยนไปตามวาระของการเมือง แต่สภามีหน้าที่ ในการจัดการประชุม ให้เกิดความสงบเรียบร้อย ซึ่งตนคิดว่า ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ก็คง เปลี่ยนแปลงในส่วนของรัฐบาล และสภาก็ต้องดำเนินการไปตามปกติ

เมื่อถามว่าเสียงปริ่มน้ำ จะทำให้การทำงาน ในสภา ลำบากขึ้นหรือไม่​ นายวันมูหะมัดนอร์​ กล่าวว่า​ สภาเราเคยผ่านมาหลายยุคหลายสมัย ทั้งที่มีเสียงข้างมากค่อนข้างเด็ดขาด เวลาบริหาร ก็อาจจะมีปัญหาได้เหมือนกัน และเสียงปริ่มน้ำ ก็เคยบริหารมาแล้ว ซึ่งก็มีปัญหา แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายบริหาร สภาไม่เข้าไปก้าวก่ายกับฝ่ายบริหาร สภาทำหน้าที่ของสภา เพื่อให้การบริหารดำเนินไปได้

เมื่อถามว่ามีการวิเคราะห์ว่าอายุรัฐบาลหรือสภาอาจจะสั้น ไม่เกินปีนี้​ นายวันมูหะมัดนอร์​ กล่าวว่าขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ ของ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่เข้ามาบริหารประเทศ ทางสภา ก็บริหาร ไปตามบทบาทหน้าที่ของสภาเท่านั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร อายุของรัฐบาลจะยาวหรือสั้น ก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายบริหาร

เมื่อถามว่าจะมีคำแนะนำให่กับนายกรัฐมนตรี ในการบริหารประเทศเกี่ยวกับประเด็นปัญหาชายแดนไทยกัมพูชาอย่างไร​ นายวันมูหะมัดนอร์​ กล่าวว่า​ ฝ่ายนิติบัญญัติ และประธานสภา ไม่สามารถ เข้าไปก้าวก่าย เรื่องการบริหารของรัฐบาลได้เพราะต้องฟังเสียงประชาชน เพื่อที่จะรักษาอธิปไตยของประเทศ​ ตนคิดว่าฝ่ายที่ดูแล และเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ รวมทั้ง รัฐบาลคงจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้

เมื่อถามย้ำว่าปัญหาไทยกัมพูชาจะมีการหยิบยกเข้าหารือในที่ประชุมสภาหรือไม่นายวันมูหะมัดนอร์​ กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในช่วงปิดสมัยประชุม ยังไม่สามารถที่จะนำมาหารือในสภาได้ ดังนั้นในช่วงเปิดสมัยประชุม 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป ตนคิดว่าประเด็นต่างๆ รวมทั้งปัญหาในประเทศ และปัญหาระหว่างประเทศ คงจะมีสมาชิก ทั้งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล มาเสนอให้สภาอภิปราย ซึ่งโดยปกติ เราก็ปฏิบัติอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นต้องรอให้เปิดสมัยประชุมสามัญก่อน​ ส่วนถ้ามีความสำคัญ ถึงขนาดรัฐบาลเห็นว่า ควรจะเปิดประชุมสมัยวิสามัญ นั้นก็แล้วแต่ รับเป็นอำนาจของรัฐบาล

เมื่อถามถึง ตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ที่ว่างลงหลังนายภราดร​  ปริศนานันทกุล​ ลาออก​ นายวันมูหะมัดนอร์​  กล่าวว่า​ ฝ่ายเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะฟังเสียงจากวิปฝ่ายค้านและรัฐบาล ว่าพร้อมกำหนดการเลือกเมื่อใด ซึ่งเรื่องนี้ ต้องเป็นเรื่องของสมาชิกสภา​ เพราะถ้าไม่พร้อมหรือยังไม่ตกลงใจว่า ฝ่ายใดจะเสนออย่างไร ก็คงจะต้องรอก่อน ตนคิดว่า เมื่อเปิดสมัยประชุม ในวันที่ 3 กรกฎาคม หากมีความพร้อม ก็สามารถเลือกตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ได้แต่หากไม่พร้อมอาจจะเป็นสัปดาห์ที่ 2 เพราะต้องเลือกเดินเร่งด่วน เนื่องจากรองประธานคนที่ 2 จะมาช่วยในการบริหารสภา และเป็นประธานในที่ประชุม รับประธานทั้ง 2 คน ก็อาจจะหนักไป

ส่วนจะเป็นโควตาของพรรคลำดับ 2 ของฝ่ายรัฐบาลหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า เรื่องโควตาเป็นเรื่องภายในวิป แต่ข้อเท็จจริงคือต้องให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นคนเลือก จะมีการเสนอแข่งขันหรือมีเพียงชื่อเดียวก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน แต่ครั้งที่แล้วมีการเสนอเพียงชื่อเดียว หากมีการเสนอ 2 คนต้องมีการลงคะแนน

เมื่อถามว่าการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจฝ่ายค้านยังเปิดได้อยู่หรือไม่ ในสมัยการประชุมหน้า​ นายวันมูหะมัดนอร์ ยืนยันว่า ทำได้ 

ส่วนถ้าจะต้องมีการต้องเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่แคนดิเดต นายกรัฐมนตรีเดิม ของพรรคการเมืองที่มียังสามารถใช้ได้อยู่ใช่หรือไม่นั้น ประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวว่า ยังคงเป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 2560 คือ ต้องเป็นรายชื่อที่เคยเสนอต่อ​ กกต.แล้ว และยังมีชื่อค้างอยู่หลายคน ซึ่งต้องเอาชื่อนั้นมาเสนอ หากมีการเลือกนายกรัฐมนตรี​ครั้งต่อไป เป็นการเลือกเฉพาะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จะไม่มีสมาชิกวุฒิสภามาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีเหมือนครั้งก่อน เพราะมาตรา 272 ที่ให้ สว. ร่วมเลือกนายกฯได้หมดวาระ 5 ปีไปแล้ว 

เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐที่มีจำนวนสส.ลดลงเหลือไม่ถึง 25 คน ได้อยู่หรือไม่สามารถใช้บัญชีแคนดิเดตเดิม คือพล.อ.ประวิตร​ วงษ์สุวรรณ อยู่ได้หรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์​ กล่าวว่าได้ หากมีรายชื่อที่ให้ไว้กับกกต.​ก่อนเลือกตั้งอยู่ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็เสนอให้สภาโหวตได้

เมื่อถามว่าต้องกลับไปถามความสมัครใจของ แคนดิเดตแต่ละคนด้วยหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า พรรคไหนเสนอใครขึ้นมาก็ต้องมีการถามก่อนอยู่แล้ว ว่ามีความเต็มใจ ในการเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ก็คงต้องถามเมื่อถามแล้วก็มาเสนอสภาตามรายชื่อเดิมที่มีอยู่

ส่วนจะเสนอรายชื่อคนนอกบัญชีแคนดิเดต นายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ไม่สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญปี 60 ก่อนเลือกตั้งเราใช้ บัญชีรายชื่อนี้เพื่อให้ ประชาชน ตัดสินใจว่าถ้าเลือกพรรคนั้นคนนั้นจะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นก็ต้องให้ความเคารพ ความคิดเห็นของประชาชน ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง และเมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้วบทบัญญัติข้อนี้ไม่ได้ยกเลิกไป ยังใช้บัญชีเดิมซึ่งยังมีอยู่หลายคน