“นายกฯ”น้ำตาคลอเบ้า แถลงขอภัยคลิปคุย “ฮุน เซน”ลั่นคุย “แม่ทัพภาคที่ 2” ทำความเข้าใจกองทัพแล้ว ยินดีสนับสนุนทุกรูปแบบ ย้ำเป็นหนึ่งเดียวกันจะร่วมกันปกป้องอธิปไตย ต่อไปจะระวังคำพูด ด้าน “ผบ.ทบ.” สยบข่าวรัฐประหาร! ย้ำจุด ยืนหนุนประชาธิปไตย พร้อมปกป้องอธิปไตยชาติ ลั่น“คนไทยต้องสามัคคี”ส่วน “บัวแก้ว”ประท้วง “กัมพูชา”ทำลายจรร ยาบรรณผิดมารยาท ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างร้ายแรง“กมธ.ทหาร-สว.”จ่อชงศาลรธน.-ป.ป.ช.ถอดถอน“นายกฯ”พ้นจากตำแหน่ง ซัดผิดจริยธรรมร้ายแรง ด้าน“ณัฐพงษ์”จี้“นายกฯอิ๊งค์” ยุบสภาคืนความชอบธรรม ให้ประชาชน
ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.68 พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. ในฐานะประธานกรรมาธิการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา พร้อมคณะสว.แถลงเรียกร้องขอให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่สบายใจต่อพฤติการณ์ของผู้นำรัฐบาล ที่แสดงออกถึงการด้อยความสามารถ ขาดภาวะผู้นำ หลัง น.ส.แพทองธารออกยอมรับว่า คลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน เป็นของจริง และมีเนื้อหาพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 ว่า เป็นคน ฝ่ายตรงข้าม ด้อยค่า ไม่ให้เกียรติทหาร กองทัพที่ทำหน้าที่ รักษาอธิปไตย อีกทั้งการสนทนาเป็นการยินยอม อ่อนข้อ และอ่อนน้อม ให้อริราชศัตรูผู้รุก รานต่อแผ่นดินไทย แสดงท่าทีพร้อมตอบสนองความต้องการที่สมเด็จฮุนเซนเรียกร้อง จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกมธ.ทหาร และสว. ขอเรียกร้องให้น.ส.แพทองธารลาออกจากตำแหน่งนายกฯ และยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที
“กมธ.ไม่อาจปล่อยให้บุคคลที่เป็นฝั่งตรงข้ามประเทศไทย บริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้ แม้แต่วินาทีเดียว จึงมีความจำเป็นต้องยื่นถอดถอนน.ส.แพทองธาร เนื่องจากขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา160 ไม่ซื่อสัตย์สุจริต และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง โดยจะไปยื่นถอดถอนต่อศาลรัฐธรรมนูญ และป.ป.ช. ในวัน ที่ 19 มิ.ย.ต่อไป”
ขณะเดียวกัน พรรคประชาชน นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.)แถลงเรียกร้องให้นายกฯ แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง โดยการยุบสภาคืนอำนาจประชาชน
“เหตุการณ์เมื่อวานนี้ เป็นอีกหนึ่งเหตุวิกฤติของตัวผู้นำ ซึ่งจุดยืนของตน จุดยืนของพรรค จึงขอเรียกร้องให้นายกฯ ใช้อำนาจในการยุบสภาฯ เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนในการเลือกตั้งครั้งใหม่ เลือกนายกฯคนใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ ส่งข้อเรียกร้องไปยังพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน ที่ยังไม่ได้ถอนตัวร่วมรัฐบาล ถ้าคิดเห็นตรงกัน เช่นเดียวกับพวกเรา ว่าการใช้อำนาจนอกระบบไม่ใช่ทางออก เปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกฯไม่ใช่ทางออก ถ้าไม่ต้องการอยู่ในอำนาจต่อ เพื่อต่อรองตำแหน่งต่าง ๆ เล็งเห็นทางออกไทยสำคัญมากกว่า สร้างรัฐบาลที่ชอบธรรมมากกว่า เรียกร้องให้หลายพรรคที่ประชุมวันนี้ ประกาศถอนตัวร่วมรัฐบาลเช่นเดียวกัน”
ส่วน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี และแกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า หลังได้ฟังคลิปเสียงการสนทนาในเบื้องต้นแล้ว ไม่กล้าฟังต่อ เพราะรู้สึกไม่ดี สงสารคนที่คุยกัน เหมือนคุยในที่ลับ แล้วมาเปิดเผยในที่แจ้งเป็นความรู้สึกที่เราดีกับเขา แต่เขาเลวกับเรา เป็นความรู้สึกที่ไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่มิตรภาพ เป็นการทำร้ายกันมากกว่า
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ได้แถลงลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯหลังพรรคภูมิใจไทย ออกแถลงการณ์ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อคืนอำนาจให้กับสภาฯในการสรรหาคนที่มีความเหมาะสมต่อไปและขอย้ำว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่มีใบสั่ง ส่วนพรรคอื่นจะถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของแต่ละพรรค
ทางด้าน นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา พร้อมด้วย นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา และ นายคมสัน โพธิ์คง นักวิชาการกฎหมาย เข้าแจ้งความดําเนินคดี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร กรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาและเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ความยาว 17.06 นาที ซึ่งมีพฤติกรรมล่อแหลมส่งผลทําให้ประเทศชาติเสียหาย
นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกทันทีเพราะถือเป็นความผิดส่วนตัว หากไม่ลาออกปัญหาจะบานปลายส่วนพรรคร่วมรัฐบาลก็จะต้องถอนตัวเช่นกัน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศอย่างร้ายแรงและขอเตือนไปยังฝ่ายค้านด้วยว่าอย่าอาศัยจังหวะนี้ในการเรียกร้องให้มีการยุบสภาทเพราะจะยิ่งทําให้เกิดความวุ่นวายเพิ่มขึ้น ซึ่งในวันนี้พวกเราไม่สามารถให้นายกทําหน้าที่ต่อได้เพราะเกรงว่าจะมีข้อสั่งการที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศอีกหรือไม่รวมถึงยังไม่ทราบว่าทางฝั่งกัมพูชาจะมีคลิปสนทนาอีกกี่ 10 คลิปที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
อย่างไรก็ตามส่วนตัวเชื่อว่าทหารไม่ได้อยากปฏิวัติและเชื่อว่าคนไทยทั่วประเทศรู้สึกโกธรกับคลิปเสียงดังกล่าวรวมถึงการแถลงด่วนของนายกฯเมื่อวานนี้ก็ฟังไม่ขึ้นและการด้อยค่าแม่ทัพภาคที่ 2 เปรียบเสมือนการตัดหัวแม่ทัพให้ฝ่ายตรงข้าม ส่วนมาตรการต่างๆ อาทิ ปิดด่านชายแดน ตัดนํ้า ตัดไฟ นั้น ตนเองมองว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่ต้องสู้รบแต่นายกฯกลับไปเผยแพร่ความลับของประเทศให้ฝ่ายตรงข้ามซึ่งถือเป็นความผิดชัดเจน
ส่วนการจะไปยื่นที่ ป.ป.ช. เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งซึ่งเป็นในเรื่องของอนาคต ขณะนี้ขอให้ทางตำรวจดําเนินการในส่วนของคดีอาญาก่อน
ด้านทนายนกเขา ระบุว่า คลิปเสียงดังกล่าวส่งผลกระทบต่อบ้านเมืองอย่างแน่นอน เนื่องจากประมุขฝ่ายบริหารทําตัวเป็นภัยต่อประเทศชาติ โดยในวันพรุ่งนี้ 20 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น. จะมีเรียกประชุมจากภาคประชาชนที่รักประเทศชาติ เพื่อเรียกร้องให้นายกลาออก ส่วนจะมีการนัดรวมพลชุมนุมใหญ่หรือไม่นั้นหากที่ประชุมมีความเห็นพ้องต้องกันก็อาจจะมีการเรียกชุมนุมใหญ่ แต่ขอรอดูท่าทีหลังออกแถลงการณ์ให้นายกฯลาออกและพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวเสียก่อน
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม พร้อมด้วย ผบ.ทบ. แถลงว่า วันนี้เชิญหน่วยงานความมั่นคง ต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยสถานการณ์ชายแดน
“วันนี้ขออภัย พี่น้องประชาชนในกรณีมีคลิปเสียงหลุดออกมาในระหว่างที่คุยกับผู้นำกัมพูชา ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้น ต้องขออภัย ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ตนได้คุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 และกองทัพแล้ว โดยอธิบายว่าเป็นเทคติกของการสื่อสาร ซึ่งแสดงเจตนาเพื่อให้เข้าใจเขาก่อน เพื่อให้การปะทะหยุดลง ให้เกิดความสงบสุข โดยไม่ทราบจริงๆ ว่ามีการอัดคลิปและเผยแพร่ ตนได้ทำความเข้าใจกับกองทัพแล้ว วันนี้เราต้องร่วมมือกันผนึกกำลังเอาไว้ คนไทยก็ต้องร่วมกัน”
น.ส.แพทองธาร ระบุว่า วันนี้ทุกภาคส่วนสรุปว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่ภัยเล็กๆ ของประชาชน ที่พูดว่ารัฐบาลกับกองทัพต้องสู้กัน วันนี้ไม่มีเวลาจะมาสู้กัน รัฐบาลยินดีซัพพอร์ตกองทัพทุกรูปแบบ ไม่ว่าอะไรที่กองทัพต้องการ เราตั้งใจจะทำร่วมกัน
“วันนี้เราจะออกมาทำอะไรหรือตัดสินใจในมิติต่างๆ เราต้องคิดถึงคนไทยในกัมพูชาด้วย แน่นอนประชาชนชายแดนด้วย ต้องให้ความมั่นใจกับประชาชน วันนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ย้ำการดำเนินการโดยสันติวิธี ผ่านทวิภาคี เชิญทูตของกัมพูชาที่ประจำประเทศไทย มายื่นหนังสือประท้วง เพื่อแสดงความผิดหวังงอย่างยิ่งต่อการกระทำของผู้นำกัมพูชา ซึ่งไม่มีประเทศไหนในโลกที่ผู้นำคุยกันโดยไม่บอกก่อนว่าจะมีการอัดคลิป ทราบว่ามีการอัดคลิปเกิดขึ้น แต่อันนี้เป็นการคุยส่วนตัว มือถือส่วนตัว ถือเป็นการกระทำที่ไม่ยอมรับทั่วโลก” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า รัฐบาลและกองทัพขอแสดงคามรับผิดชอบต่อการปกป้องอธิปไตย ยืนยันอีกครั้งรัฐบาลและกองทัพเป็นหนึ่งเดียวกัน สามัคคีป้องกันประเทศ เวลานี้ไม่ใช่เราจะมาสู้กันเอง สิ่งที่เกิดขึ้น ดิฉันขออภัย ไม่ทราบจริงๆ ว่ามีการอัดคลิปเกิดขึ้น
“ต่อจากนี้ตนจะระวังในเรื่องการพูดคุยให้มากขึ้น แน่นอนว่าที่เราพูดคุยกันกับกองทัพ เรารวมเป็นหนึ่ง เราจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกันได้อย่างแข็งแรง” น.ส.แพทองธาร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่นายกฯแถลงข่าวมีสีหน้าเศร้า และมีน้ำตาคลอเบ้าอยู่ตลอดเวลา ในการแถลงข่าว
ด้าน นายนิกรเดช พรางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า การที่มีการเปิดเผยบทสนทนาส่วนตัวระหว่างนายกฯกับ สมเด็จฮุน เซน ต่อสาธารณชนโดยฝ่ายกัมพูชาถือว่าขัดต่อจรรยาบรรณและมารยาทพื้นฐานของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐที่ไม่อาจยอมรับได้ และถือเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ที่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และความพยายามที่จะใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาของทั้งสองฝ่ายตามแนวปฏิบัติสากลและการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี
“วันนี้กระทรวงการต่างประเทศจึงได้มีหนังสือประท้วงกรณีดังกล่าวผ่านช่องทางทางการทูต โดยได้เชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยมารับหนังสือดังกล่าว และจะมีการเปิดเผยเนื้อหาต่อสาธารณะชนเพื่อแจ้งว่าการกระทำข้างต้น ของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ ถือว่าผิดมารยาทพื้นฐานของการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐและถือเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างร้ายแรง รวมทั้งการใช้การสื่อสารผ่านสังคมออนไลน์หรือโซเชียลมีเดียโดยมุ่งหวังเพื่อปลุกระดมความนิยมจากประชาชนและสร้างความแตกแยกให้กับสังคมของทั้งสองประเทศหรือของประเทศอื่น ซึ่งแสดงถึงการไม่เคารพหลักการในการเพื่อนบ้านที่ดีและการกระทำเช่นนี้ไม่ควรได้รับการยอมรับและความไว้วางใจจากประชาคมระหว่างประเทศ”
นายนิกรเดช กล่าวว่า ตนขอย้ำอีกครั้งว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาของประชาชนต่อประชาชน เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องรัฐต่อรัฐ อย่างไรก็ดี ตนได้ให้ความมั่นใจ ใจว่าสถานเอกอัครราชทูตติดต่อประสานงานกับคนไทยอย่างใกล้ชิด ตนคิดว่าไม่เป็นกังวล อะไร เราได้ดำเนินการตามมาตรการทางการทูตทำอย่างโปร่งใส ใช้วิจารณญาณคิดดีแล้ว และไม่คาดหวังว่าจะมีผลกระทบอะไรกับคนไทย แต่อย่างไรก็ดีเราก็ได้มีการเตรียมการไว้แล้ว
ส่วนที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่ปรากฏข้อมูลหรือการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ที่หลากหลายและส่งผลกระทบต่อสังคม พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ ในประเทศที่เกิดขึ้น โดยขอให้คนไทย เชื่อมั่นในกองทัพบก ที่มีจุดยืนในการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพร้อมทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างสุดความสามารถ ภายใต้กลไกที่มีอยู่และได้เน้นย้ำว่า หากพิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในห้วงเวลานี้คือ “คนไทยต้องสามัคคี” ร่วมกันปกป้องอธิปไตยจากผู้ไม่หวังดี โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ