คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์  เศรษฐช่วย

แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า ขณ ะนี้สหรัฐฯกำลังมีสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความแตกหักที่แบ่งแยกแตกออกเป็นสองฝักสองฝ่ายที่เพิ่งเกิดขึ้นให้เห็นแบบเด่นชัด เมื่อวันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน 2025 โดยฝ่ายหนึ่งก็คือ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์”ที่วางตนเป็นจอมเผด็จการ มิมีนโยบายที่แน่นอนกลับไปกลับมาพลิกลิ้นอยู่ตลอดเวลาแบบตามใจตนเอง

ส่วนอีกขั้วหนึ่งเป็นฝ่ายของพลังประชาชนทั่วประเทศที่ต่างก็อดรนทนไม่ไหวต้องออกมาประท้วงต่อต้านอำนาจเผด็จการ!!!

นโยบายหลักที่ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมานำเสนอก็คือ ต้องการที่จะกวาดล้างชาวต่างด้าว ซึ่งนั่นก็คือ บรรดาชาวต่างชาติที่เข้าไปสหรัฐฯอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่กลับปรากฏว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่ต้องการที่จะปกป้องคนเหล่านี้เอาไว้ เพราะถือว่าพวกเขาต่างก็เป็นฟันเฟืองที่ทำให้วงล้อเศรษฐกิจของสหรัฐฯหมุนไปได้

อย่างไรก็ตามเมื่อวันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน 2025 ที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วันนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ เพิ่งจะจัดงานเฉลิมฉลอง “วันกำเนิดกองทัพสหรัฐฯ”ครบรอบ 250 ปี แถมเขายังฉลองวันเกิดอายุ 79 ปีของเขาพร้อมกันไปอีกด้วย

แต่กลับดูเหมือนว่าเมื่อวันเสาร์ที่เป็นวันคล้ายวันเกิดของเขาในครั้งนี้ กลับเป็นวันที่มีผู้คนแห่แหนออกมาประท้วงเขากันทั่วประเทศ โดยมีการผนึกพลังจากประชาชนหลากหลายสาขาอาชีพกว่า 2,000 จุดทั่วประเทศ ที่กอปร์ไปด้วยมวลหมู่มหาประชาชนคนอเมริกันกว่าห้าล้านคน

ส่วนผู้ที่เข้าไปร่วมในพิธีสวนสนาม ณ เมืองหลวงของสหรัฐ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.มีอยู่ราวๆสองแสนกว่าคน มีทหารเข้าร่วม 6,000 พัน และมีรถถังเข้าร่วมในพิธีสวนสนาม 128 คัน โดยประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการที่จะให้งานนี้แสดงถึงความเป็นมหาอำนาจอันยิ่งใหญ่ของสหรัฐฯ

ส่วนจุดก่อหวอดที่เป็นชนวนให้มีการรวมพลังของประชาชน เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2025 สาเหตุสืบเนื่องมาจาก “U.S. Immigration and Customs Emforcement” หรือที่เรียกย่อๆว่า “ICE” หรือ “เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐอเมริกา” เข้าไปจับกุมผู้ต้องสงสัยที่อยู่อย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายที่ลานจอดรถของ “ร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง Home Depot” ที่คนหางานมักจะไปรวมตัวกันที่นั่น และยังมีร้านขายเสื้อผ้า “Ambiance Apparel”  ที่เป็นร้านยอดนิยมของบรรดาลูกค้าชาวเม็กซิกัน โดยเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชันจับกุมพนักงานแห่งนี้ไปกว่ายี่สิบคน

และทันทีที่มีการจับกุมข่าวนี้ก็ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ชุมชนชาวเม็กซิกันรวมตัวออกมาประท้วงกันอย่างทันทีทันควัน!!!

ทั้งนี้สมาชิกในครอบครัวของผู้ที่ถูกจับกุมต่างพากันวิตกกังวล และออกมาตั้งคำถามว่า พ่อ แม่ พี่ น้อง ลูกๆ หลานๆของพวกเขาถูกจับกุมไปอยู่ที่ไหน? และเพราะเหตุใด?ถึงถูกจับกุม แถมเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นก็มิได้ให้คำตอบอย่างกระจ่างชัด ทำนองเดียวกันกับบรรดาสื่อมวลชนก็มิได้รับคำอธิบายที่ชัดเจนเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ก็ยิ่งทำให้ประชาชนในนครลอสแอนเจลิสและเมืองใกล้เคียงเกิดไม่พอใจต่อการกระทำของหน่วยงานอิมมิเกรชั่น ซึ่งมีผลทำให้ผู้คนต่างเดินทางไปรวมตัวประท้วงกันที่ สำงานใหญ่ของอิมมิเกรชัน ที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองนครลอสแอนเจลิส

และขณะที่ประชาชนเริ่มรวมตัวประท้วงกันที่อาคารของอิมมิเกรชันกันอยู่นั้น กลับปรากฏว่าประธานาธิบดีทรัมป์ ออกคำสั่งให้ “กองกำลังป้องกันชาติสหรัฐฯ” หรือหน่วย “California National Guard”ซึ่งเป็นกองกำลังทหารสำรองที่ขึ้นอยู่กับรัฐแคลิฟอร์เนีย เดินทางไปยังลอสแอนเจลิส และยังออกคำสั่งให้หน่วยนาวิกโยธินอีก 700 นาย เข้าไปประจำตามสำนักงานต่างๆของรัฐบาลกลางอีกด้วย

ส่วน “ผู้ว่าฯแกวิน นิวซัม”ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า “การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ออกปากสั่งการณ์เยี่ยงนี้ เป็นการละเมิดต่ออำนาจหน้าที่ ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของผู้ว่าการของรัฐฯ” จึงได้ออกมาประท้วงและยื่นฟ้องต่อผู้พิพากษาศาลกลางในทันที

เมื่อวันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน 2025 ผู้พิพากษาศาลกลางได้ทำการพิพากษา โดยมองๆไปแล้วเข้าข้างผู้ว่าฯรัฐแคลิฟอร์เนีย และยังได้กล่าวตำหนิต่อประธานาธิบดีทรัมป์ว่า “ล่วงละเมิดต่อรัฐธรรมนูญ” แต่ประธานาธิบดีทรัมป์กลับมิยอมแพ้เชื่อฟังต่อคำสั่งศาล โดยเขาสั่งให้ทีมงานของเขาอุทธรณ์ในทันที ทว่าศาลอุทธรณ์กลับตัดสินให้มีการเลื่อนคดีออกไปวันอังคารที่ 17 มิถุนายน 2025

และขณะที่เหตุการณ์วุ่นวายกำลังเกิดขึ้นระหว่างหน่วยงานอิมมิเกรชันกับชาวนครลอสแอนเจลิสกันอยู่นั้น ก็ยังมีเหตุวุ่นวายแทรกเสริมขึ้นมาอีกโดยเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2025 “วุฒิสมาชิกอเล็กซ์ พาดิลลา”  (Alex Pedilla) วุฒิสมาชิกของนครลอสแอนเจลิสขวัญใจของชาวลาตินได้ถูกเจ้าหน้าที่เข้าไปขัดขวางจนถูกใส่กุญแจมือจับกุม ขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าไปฟังการให้สัมภาษณ์ของ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯคริสตี โนเอม” ณ นครลอสแอนเจลิส จึงถือเป็นการเติมเชื้ออารมณ์โกธรของผู้คนให้ปะทุเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่งวุฒิสมาชิกอเล็กซ์ พาดิลลา เป็นนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเขามีประวัติจบการศึกษาจาก MIT อีกด้วย

ขณะที่ปรอทการเมืองของสหรัฐฯกำลังร้อนจัดปรากฏว่ามีข่าวการลอบสังหารสองสามีภรรยานักการเมืองคนสำคัญเกิดขึ้นที่ รัฐมินนิโซตา และค้นพบต่อมาว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ที่ชื่นชอบต่อประธานาธิบดีทรัมป์มากเป็นพิเศษ

อีกทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐยังสืบพบว่า ฆาตกรผู้ยังมีรายชื่อนักการเมืองอยู่ในบัญชีของเขาอีก 11 คนที่อยู่ในข่ายจะถูกฆาตกรรม  แต่โชคดีที่คนร้ายคนนี้ถูกจับกุมไปแล้วเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2025!!

และเนื่องจากเกิดแรงผลักดันอย่างหนักปรากฎว่า ท้ายที่สุดแล้วประธานาธิบดีทรัมป์กลืนน้ำลายของตนเองที่บ้วนถ่มถุยไป แล้วออกมาประกาศว่า “จะไม่เข้าไปแตะต้องบุคลากรของภาคอุตสาหกรรมที่มีชาวต่างชาติทำงานอยู่กว่าเจ็ดล้านคน เพราะบุคคลพวกนั้นถือเป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจอันได้แก่ คนงานของอุตสาหกรรมด้านการเกษตร คนงานในอุตสาหกรรมการบริหาร พนักงานของอุตสาหกรรมด้านการโรงแรมและพนักงานตามร้านอาหาร รวมไปถึงบรรดาพนักงานของอุตสาหกรรมด้านโรงงานแปรรูปอาหาร ฯลฯ

ทั้งนี้อาจจะสืบเนื่องมาจากประธานาธิบดีทรัมป์วิตกกังวลเกี่ยวกับคะแนนนิยมของเขาที่ลดฮวบดิ่งลงอย่างเลวร้าย และจากโพลของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2025 เปิดเผยออกมาว่า ชาวอเมริกันไม่พอใจการบริหารประเทศของประธานาธิบดีทรัมป์ ถึง 52% และที่พอใจมีเพียง 44% แถมคนอเมริกันยังไม่พอใจเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2025

แถมท้ายมาด้วยโพลของ “มหาวิทยาลัย Quinnipiac” เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2025 ที่ออกมาเปิดเผยว่า ชาวอเมริกันมีความพอใจในการบริหารประเทศของประธานาธิบดีทรัมป์แค่เพียง 38% เท่านั้น

กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นการเกิดเหตุการณ์ประท้วงครั้งใหญ่ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2025 นับเป็นการแบ่งขั้วแบ่งฝักแบ่งฝ่ายให้เห็นอย่างชัดเจนที่กำลังเกิดขึ้นระหว่าง “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์”กับพลังของเหล่าประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นรอยร้าวลึกที่แสนอันตรายต่อสหรัฐฯ และเมื่อเมียงๆมองๆดูแล้ว ยังเดาไม่ออกเลยว่าเรื่องราวเหล่านี้จะจบลงเมื่อไหร่และจะจบลงอย่างไรละครับ