ดนตรี / รุ่งฟ้า ลิ้มหัสนัยกุล

“เขาเป็นยักษ์ใหญ่ของวงการเพลงที่อ่อนน้อมถ่อมตนอย่างยิ่ง ไม่เคยต้องการแสง แค่สนใจทำเพลงที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขายังเป็นสุภาพบุรุษแท้ เป็นปราชญ์ดนตรีตัวจริง ที่สอนโลกให้ยิ้ม” – อัล จาร์ดีน เพื่อนร่วมวง เดอะ บีช บอยส์

วันที่ 11 มิถุนายน 2025 ก่อนถึงวันคล้ายวันเกิดเพียง 9 วัน ไบรอัน วิลสัน ไม่มีโอกาสฉลองครบ 83 ปี ทิ้งมรดกชั้นเลิศไว้มากมาย ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาความสร้างสรรค์-เรียบเรียงตัวโน้ตออกมาเป็นบทเพลงที่ไม่ได้มีแค่ความไพเราะ แต่ยังอุดมรายละเอียดซับซ้อนทั้งในทางเทคนิคและอารมณ์เพลง ผลงานหลายชุดของ เดอะ บีช บอยส์ เป็นงานขึ้นหิ้ง แต่ Pet Sound ที่ออกในปี 1966 ถือเป็นมาสเตอร์พีซ และเป็นหนึ่งในอัลบั้มยอดเยี่ยมตลอดกาล
ใครจะเชื่อว่าเด็กหนุ่มที่หูข้างขวาไม่ได้ยินถาวรตั้งแต่อายุ 11 จะกลายเป็นอัจฉริยะทางดนตรีที่หาคนเทียบยาก ว่ากันว่าเขาเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ทางการร้องเพลงมาแต่กำเนิด เพราะร้องเพลงถูกโน้ตตั้งแต่เป็นเด็กชายตัวเล็กๆ โตขึ้นมาหน่อย ก็รวมตัวกับน้องชายสองคน คาร์ล กับ เดนนิส, ลูกพี่ลูกน้อง ไมค์ เลิฟ  และเพื่อนสนิท อัล จาร์ดีน ทำวงดนตรีชื่อ เดอะ เพนเดิลโทนส์ ที่บ้านระหว่างพ่อแม่ไปพักผ่อนต่างประเทศ ใช้เงิน 250 ดอลลาร์ที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ซื้อข้าวปลาอาหารไปเช่าเครื่องดนตรีมาลองซ้อม

นั่นคือ “Surfin’” และกำเนิด เดอะ บีช บอยส์ อย่างเป็นทางการ  

จากนั้น กลุ่มเด็กหนุ่มจากแคลิฟอร์เนียก็สร้างปรากฏการณ์ “เซิร์ฟ มิวสิค” บูมทั่วอเมริกาตั้งแต่อัลบั้มแรก Surfin’ Safari ในปี 1962 แต่มาประสบความสำเร็จจริงจังในปีถัดมากับ Surfin’ U.S.A. พีคสุดๆกับ Pets Sonnd (1966) มีเพลงฮิทมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “Surfin' USA”, “Fun, Fun, Fun”, “Help Me Rhonda”, “I Get Around”, “In My Room”, “California Dreamin’”, “Kokomo”, “Good Vibrations”, “God Only Knows” ฯลฯ  ความสำเร็จของพวกเขาถูกนำไปเปรียบกับ เดอะ บีเทิ่ลส์ จากฝั่งอังกฤษ-ในฐานะ “คู่แข่ง” เพียงรายเดียว การแข่งขันอันดุเดือด (จากสื่อ) ทำให้พวกเขามีภาระหนักอึ้ง ทั้งการทำอัลบั้ม การทัวร์ และการโปรโมท (15 อัลบั้มภายในทศวรรษ 1960) สิ่งนี้เองก่อเกิดความกลัว ความวิตกกังวล ภายในใจของ ไบรอัน เขาเริ่มใช้กัญชาและแอลเอสดี “หนักมาก” ทำให้เขามีปัญหาทางจิตใจตั้งแต่วัยรุ่น ใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลมากกว่าในสตูดิโอหรือเวที เริ่มแยกห่างจากเพื่อนฝูง งานช่วงหลังจาก Pets Sound กลายเป็นผลงานการเขียนของเพื่อนๆมากขึ้น

เขากลับมาทำงานกับวงอีกครั้งในปี 1976 กับอัลบั้ม 15 Big Ones  แต่ก็ต้องหายตัวไปอีกจากการติดเหล้า ยา และการกินแบบตามใจปาก ต้องเข้ารับการบำบัดจริงจังต่อเนื่อง ท้ายสุด เขาออกจากวงช่วงทศวรรษ 1980 และกลายเป็นศิลปินเดี่ยว เปิดตัวด้วยอัลบั้มชื่อเดียวกับชื่อตัวในปี 1988 แล้วก็ทิ้งช่วงห่างเกือบสิบปีกว่าจะมีชุดอื่นๆตามมา แต่ก็ไม่ใช่งานใหม่ทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นการนำเพลงเก่า (ของคนอื่น) มาทำใหม่ และทำกับ แวน ไดค์ พาร์ค เพื่อนเก่าอีกชุดหนึ่ง ที่น่าสนใจคือการทำอัลบั้ม Smile ที่ค้างไว้ตั้งแต่ปี 1967 งานที่เขาเดินออกมากลางคันกับ เดอะ บีช บอยส์-จนเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในปี 2004 ใช้ชื่ออัลบั้มว่า Brian Wilson Presents Smile

ปีเดียวกันนั้นเอง (2004) ไบรอัน ก็เปิดการแสดงครั้งแรกของเขาในรอบหลายปีที่ เดอะ รอยัล เฟสติวัล ฮอลล์ ในกรุงลอนดอน ที่ไม่เพียงทำให้แฟนเพลงทั่วโลกมีความสุข แต่ตัวเขาเองก็มีความสุขด้วยเช่นกัน

ปี 2012 เขากลับไปร่วมงานกับสมาชิก เดอะ บีช บอยส์ ที่ยังเหลืออยู่ ทั้งออกทัวร์ และทำอัลบั้มออกมาชุดหนึ่งในรอบ 15 ปีชื่อ That’s Why God Made The Radio ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ พวกเขายังทำบ็อกซ์เซ็ทซีดี 5 แผ่น - The Smile Sessions ประกอบด้วยเพลงเก่าและเพลงที่ถูกคัดทิ้ง ได้รางวัล แกรมมี่ ปี 2013 สาขา Best Historical Album

เขามีอัลบั้ม At My Piano และ Brian Wilson: Long Promised Road เป็นสตูดิโอ อัลบั้มสองชุดสุดท้ายในปี 2021 ออกวางจำหน่ายเดือนพฤศจิกายนทั้งสองชุดทิ้งระยะห่างแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้นเอง

ท่ามกลางความไม่สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ความคิดสร้างสรรค์ในการเขียนเพลงและทักษะการทำงานในการบันทึกเสียงของ ไบรอัน วิลสัน กลับ “สมบูรณ์แบบ” ในแบบอย่างที่ยากจะหาคนเทียบเคียง

 

ขอบคุณภาพจาก : credit:  https://www.facebook.com/officialbrianwilson/