กระแสตลาดนักเตะที่ร้อนแรงในช่วงซัมเมอร์ 2025 คงไม่มีใคร สร้างความฮือฮา ได้เหมือน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แชมป์พรีเมียร์ลีกทีมล่าสุด กับดีลสะท้านเกาะอังกฤษ “ฟลอเรียน เวียร์ตซ์” มิดฟิลด์พรสวรรค์แห่งยุคจาก”ห้างขายยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น กลายเป็นเรื่องที่เขย่าวงการฟุตบอลยุโรป ไม่ใช่แค่เพราะค่าตัวที่สูงเกิน 100 ล้านปอนด์เท่านั้น แต่ยังเป็นดีลที่มีมิติทางกลยุทธ์ การเมืองในวงการฟุตบอล และแรงสั่นสะเทือนต่อหลายสโมสรทั้งในและนอกสนาม

จุดเริ่มต้นของดีล – สู่การทุบสถิติ ในวันที่ข่าวหลุดออกมา ลิเวอร์พูลได้บรรลุข้อตกลงกับไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ด้วยค่าตัวเบื้องต้นราว 100 ล้านปอนด์ บวกโบนัสตามผลงานอีกประมาณ 16.5 ล้านปอนด์ รวมแล้วดีลนี้อาจพุ่งสูงถึง 116.5 ล้านปอนด์ หรือราว 5.3 พันล้านบาท กลายเป็นดีลที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร “ลิเวอร์พูล” และเป็นหนึ่งในดีลที่แพงที่สุดของพรีเมียร์ลีกอีกด้วย

ขณะที่ แหล่งข่าวจากอังกฤษรายงานว่า “เวียร์ตซ์” จะเข้ารับการตรวจร่างกายในสัปดาห์นี้ ก่อนเซ็นสัญญายาว 5 ปี พร้อมรับค่าเหนื่อยระดับท็อปของทีม ซึ่งแสดงให้เห็นว่า “หงส์แดง” ภายใต้ยุคของกุนซือ “อาร์เน่ สล็อต” พร้อมแล้วที่จะป้องกัน “บัลลังก์แชมป์” ในฤดูกาลนี้

หากถามว่า “เวียร์ตซ์” คือใคร? ทำไมถึงมีค่าตัวทะลุหลักพันล้าน ต้องบอกว่า เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาจริงฟ โดย “ฟลอเรียน เวียร์ตซ์” ในวัย 21 ปี คือนักเตะที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น "เพชรเม็ดงามแห่งวงการฟุตบอลเยอรมัน" และแจ้งเกิดตั้งแต่สมัยอายุไม่ถึง 18 ปี และกลายเป็นแกนหลักของ “เลเวอร์คูเซ่น” มาโดยตลอด ฤดูกาลล่าสุด (2024/25) โดยทำไปถึง 18 แอสซิสต์ กับ 12 ประตู จากการลงเล่นเพียง 40 นัด และมีบทบาทสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกา

“เวียร์ตซ์” เล่นได้หลากหลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก (CAM), ปีกซ้าย และ False 9 สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นคือการอ่านเกม, การจ่ายบอลแนวลึก, การเคลื่อนที่ไร้บอล และการตัดสินใจในจังหวะสำคัญ เขาจึงถูกมองว่าเป็น “ตัวเชื่อม” ระหว่างเกมรับกับเกมรุกที่ “ลิเวอร์พูล” กำลังมองหา

ถามว่า ดีลนี้ใครได้ประโยชน์และเป็นผู้ชนะจากดีลนี้ คือ ลิเวอร์พูล & กุนซืออาร์เน่ สล็อต โดย “ลิเวอร์พูล” ในยุคหลัง “คล็อปป์” ต้องการปรับระบบการเล่นให้ทันสมัยขึ้นและเน้นเกมรุกแบบยืดหยุ่น การได้ “เวียร์ตซ์” มาเปรียบเสมือนได้ "หัวใจใหม่ของแดนกลาง" ที่จะช่วยสร้างโอกาส ไม่ว่าจะเป็นยิงเองก็ได้ การประสานงานกับแนวรุก การเก็บบอล คลองบอล และขโมยบอล หรือเรียกง่ายๆว่า ครบจบ ในคนๆเดียว ได้อย่างลงตัว

ขณะที่ ดีลนี้ ใครเสีย และเป็นผู้แพ้ในดีลนี้ คงหนีไม่พ้น “เสื้อใต้” บาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่ของเยอรมนี ที่ประมาท และต้องพลาดการคว้าตัวไปอย่างเจ็บปวด เพราะนักเตะปฏิเสธข้อเสนอ โดยระบุว่าต้องการ “ก้าวใหม่” ในพรีเมียร์ลีกมากกว่า รวมทั้ง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าพ่อแห่งวงการฟุตบอล โดย “เป๊ป กวาร์ดิโอล่า” กุนซือสมองใส เคยแสดงความสนใจในตัว “เวียร์ตซ์” เช่นกัน แต่จำยอมต้องถอนตัว เนื่องจากค่าตัวที่สูงเกินไป ดีลนี้จึงถือเป็น “พลาดของใหญ่” ที่อาจส่งผลในอนาคต

สรุป คือ การจบดีล “เวียร์ตซ์” ของ “หงส์แดง” คือการ “ลงทุนเพื่ออนาคต” ที่ชาญฉลาด แม้ค่าตัวจะสูง แต่หากนักเตะรักษามาตรฐานการเล่นได้ต่อเนื่องตลอด จะถือเป็นดีลที่ “คุ้มที่สุด” ในรอบทศวรรษ และกำลังเปลี่ยนแนวทาง สร้างยุคใหม่ ด้วยผู้เล่นระดับโลก ที่พร้อมสร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ใน“ถิ่นแอนฟิลด์”นั้นเอง