ฌาปนกิจศพแล้วครูมัท วัย 39 ปี ที่ผูกคอตัวเองเสียชีวิตที่บ้าน พร้อมจดหมายลาตาย ที่เขียนระบุชัดเจนถึงสาเหตุที่ฆ่าตัว ว่าระบบการบริหารของโรงเรียนไม่มีระบบ ครูอังกฤษต้องไปทำการเงิน ยังฝากถึงกระทรวงศึกษาธิการให้แก้ไข ขณะประธานกรรมาธิการการศึกษาสภาผู้แทนฯชี้ต้องแก้ทั้งระบบ ทำแล้วรัฐบาลฉีกทิ้ง
วันที่ 19 มิ.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า จากกรณีนางสาวอนุสรา หรือครูมัท อายุ 39 ปี ครูสอนโรงเรียนแห่งหนึ่งในเขต อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ ตัดสินใจใช้เชือกลูกเสือ ผูกคอตัวเองเสียชีวิตภายในบ้านพักที่บ้านสี่เหลี่ยมใหญ่ ต.หนองบัวโคก อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.68
ซึ่งการเสียชีวิตดังกล่าวกลายเป็นประเด็นขึ้นมาเนื่องจากครูมัดได้ทิ้งจดหมายลาตาย เขียนลาครอบครัว และฝากถึงกระทรวงศึกษาธิการระบุว่า”ระบุว่า”ข้าพเจ้าขอลาทุกคนบนโลกใบนี้ ไปด้วยความ ไม่สบายกาย และไม่สบายใจ ด้วยมีปัญหาในการเรื่อง การทำงาน การเงิน การบัญชี ซึ่งข้าพเจ้าให้ท่านคั่งค้าง ทำให้พอกพูนจนแก้ไขได้ยาก แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะข้าพเจ้าเพียงคนเดียว แต่เป็นเพราะเกิดจาก กระบวนการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพภายในโรงเรียน การทำงานไม่เป็นระบบ ให้เบิกเงินก่อน เคลียร์เอกสารทีหลัง และก็นิ่งเฉยไม่มีใครมาเคลียร์ให้ อันไหนเคลียร์เองได้ก็ดีไป แต่อันไหนเคลียร์ไม่ได้ก็ต้องมานั่งเครียดเอง จนหัวจะระเบิดไมเกรนแทบทุกวัน ข้าพเจ้าเหนื่อยกาย กับการทำงาน นี้มากๆ สุขภาพก็ไม่ดีสะสมมาเรื่อยๆ สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจจากโลกนี้ไป ก็เพราะเพื่อนร่วมงาน ที่จัดการ สั่งการมาโดยตลอด แต่พอถึงเวลามีความผิด กับบอกว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้อง นั้นก็คือครูต่อ
ส่วน ผู้อำนวยการโรงเรียนที่ย้ายมาแต่ละคนก็ไม่เคร่งครัดเรื่องการเงินเลย ไม่มีความรู้ด้านการเงิน ใช้เงินไม่ถูกต้อง แต่พอมีความผิดอ้างว่าเราเป็นคนทำ ข้าพเจ้าขอโทษต่อเพื่อนร่วมงาน ท่านอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง ข้าพเจ้าไม่สามารถทำงานนี้ต่อไปอีกได้แล้ว ถ้าอยู่ต่อไปคงพิการ หรือเส้นเลือดในสมองแตกตาย ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้กับทุกคนขออย่าให้ร้ายกัน ในวันที่ข้าพเจ้าไม่สามารถโต้แย้งใดๆได้ ส่วนที่ผิดขอน้อมรับ แต่ส่วนที่ไม่ใช่ก็ขออย่าใส่ร้ายกันเลย ซึ่งฝากถึงกระทรวงการศึกษาให้ช่วยเห็นใจ ครูการเงิน และพัสดุด้วยนะคะ อย่าให้ต้องทำงานหนักและเสี่ยงชีวิตแบบนี้เลย
ซึ่งในเรื่องทำให้กระทรวงศึกษาออกมาสแดงบทบาท หาจุดอ่อนและแนวทางการแก้ไข รวมถึงหน่วยงานของ ปปช.ที่เข้าไปตรวจสอบบัญชีของโรงเรียน เรียกได้ว่าครูมัท ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังตามลำพัง
ล่าสุดวันนี้ ได้มีพิธีฌาปนกิจศพครูมัท แล้วที่วัดจตุราษฎร์บำรุง หรือวัดบ้านสี่เหลี่ยมใหญ่ ต.หนองบัวโคก อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ มีชาวบ้านและหน่วยงานราชการมาร่วมงานกันคับคั่ง เช่นนายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย และประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาสภาผู้แทนราษฎร ,ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์เขต 1 ,นายอำเภอลำปลายมาศ
นายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย และประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในนามประธานกรรมาธิการการศึกษาฯส่วนตัวในฐานะที่เคยเป็นครูมาก่อน มองเห็นเลยทันที่ว่าการจะแก้ปัญหาเรื่องการศึกษาเลยคือต้องแก้ด้วยระบบคือการแก้กฎหมาย ซึ่งพรรคภูมิใจไทยได้มอบหมายให้ตนร่าง พรบ. การศึกษาแห่งชาติ ตนคิดว่า พรบ.การศึกษาจะต้องเป็น พรบ.ของทุกพรรคการเมืองอยากเห็นการแก้ไขปัญหาร่วมกันคือให้เป็นกฎหมายของทุกพรรคการเมือง โดยใช้เวลาในการร่าง พรบ.และให้คนเข้าไปแสดงความคิดเห็นใช้เวลาทั้งหมด 9 เดือน มีคนแสดงความคิดเป็นมากกว่า 10,000 คนในเวบไซต์ของสภาฯ และมีคนเห็นด้วยมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ กระทั่งได้ยื่นต่อให้หัวพรรคเซ็นเป็นคนแรก แล้วยื่นต่อประธานรัฐสภา แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ พรบ.ฉบับนี้หายไปในรัฐบาล
ส่วนกรณีครูมัท เมื่อได้เห็นจดหมายแล้วครูเขียนด้วยสติปัญญาแล้วพูดได้อย่างถูกต้องคือ”มันเป็นที่ระบบ”จริงแล้วปัญหาอาหารกลางวันของเด็กนักเรียนเป็นแค่ติ่งหนึ่งของการศึกษามันมีปัญหาอีกมากมาย สิ่งที่น่าเวทนาและไม่น่าเชื่อว่าในยุคนี้การศึกษาเมืองไทยกับระบบสาธารณสุขของไทย จะอยู่ด้วยผ้าป่าต้องหาผ้าป่ามาทอดให้โรงเรียน เพื่อหาจ้างคนเพิ่มเช่นการประกอบอาหาร เพราะกระทรวงให้แค่ค่าอาหารไม่มีค่าแรงทำอาหาร นอกจากนี้ยังพบปัญหาเมื่อ สตง.มาตรวจก็เกิดปัญหากันอีก จริงแล้วหัวใจของครูรักลูกศิษย์เหมือนลูกหลาน อาจจะมีครูที่ไม่ดีบ้างแต่เพียงเล็กน้อย ดังนั้นปัญหาของครูกับการศึกษาเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขแต่รัฐบาลมองไม่เห็นมากกว่า