วันที่ 19 มิ.ย.2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เจ้าหน้าที่ทหารกรมการทหารช่างได้เร่งก่อสร้างพนังกั้นกึ่งถาวรและชั่วคราวไปตลอดแนวแม่น้ำสายตั้งแต่ชุมชนหัวฝายไปจนถึงสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 2 ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตรอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตั้งแต่ชุมชนหัวฝาย-จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 มีการรื้อถอนอาคารต่างๆ ถมและปรับหน้าดิน ตอกเสาเข็มลึก 4 เมตรโผล่ขึ้นมเหนือดิน 3 เมตรเพื่่อวางแนวกั้นคอนกรีตและถุงบิ๊กแบ็คไปตลอดแนว อย่างไรก็ตามพบว่าที่อาคารพาณิชย์ฝั่งขวาสะพานมีการพ่นสีตรงด้านข้างอาคารว่า "รื้อถอนหลังน้ำหลาก" 

 

ซึ่งเจ้าหน้าที่ชายแดนแจ้งว่าสาเหตุที่มีการพ่นสีข้อความดังกล่าวเนื่องจากปัจจุบันเป็นฤดูฝนแล้ว หากมีการรื้อถอนอาคารดังกล่าวซึ่งอยู่ในที่ราชพัสดุอาจจะไม่ทันน้ำหลากที่อาจจะมาถึงก่อนดังนั้นจึงได้ใช้พนังของอาคารดังกล่าวเป็นจุดกั้นน้ำ โดยมีการปิดรอยรั่วต่างๆ ไปตลอดแนวเพื่อไม่ให้น้ำล้นทะลักเข้าสู่ด้านในได้ 
และนอกจากอาคารติดสะพานดังกล่าวยังต่อเนื่องไปถึงอาคารแม่สายพลาซ่า 

ทั้งนี้การรื้อถอนไม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว เพราะนอกจากอาคารจะใหญ่โตแล้วใต้อาคารยังมีลักษณะเป็นโพลงเพราะถูกน้ำกัดเซาะมาเป็นเวลานานด้วย ทำให้การรื้อถอนต้องให้ทางกรมโยธาธการและผังเมืองเข้าดำเนินการและหลังจากนั้นกรมการทหารช่างก็จะปรับพื้นที่และวางแนวป้องกันน้ำท่วมต่อไป

ด้านกรมการทหารช่างแจ้งความคืบหน้าในการสร้างแนวป้องกันริมฝั่งแม่น้ำสายทั้งรูปแบบกึ่งถาวรและชั่วคราวว่ามีความคืบหน้าไปแล้ว 70%  โดยแบ่งเป็นหลายช่วงพื้นที่ ได้แก่ ช่วงชุมชนหัวฝาย ชุมชนชุมชนสายลมจอย ช่วงชุมชนเกาะทราย และช่วงชุทชนไม้ลุงขน ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จ 100% ได้ภายในวันที่ 30 มิ.ย.นี้  

ส่วนการรื้อถอนอาคารสูงที่กีดขวางทางน้ำตรงจุดสะพานคาดว่าจะสามารถทำได้หลังฤดูน้ำหลากผ่านพ้นไป เนื่องจากเป็นอาคารที่ใหญ่และต้องใช้เวลานานในการรื้อถอน ส่วนความคืบหน้าในการขุดลอกแม่น้ำสายและแม่น้ำรวกซึ่งเป็นภารกิจที่ได้รับความร่วมมือของหลายหน่วยงานคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ก.ค.2568 นี้