หอการค้าไทยจับมือพันธมิตรทั้งรัฐและเอกชน เดินหน้า ปลดล็อก SMEs ขนทัพลงพื้นที่ 5 ภาค สร้างศักยภาพและยกระดับ SMEs ทั้งการเข้าถึงแหล่งทุน การเติมองค์ความรู้ในการประกอบธุรกิจ และคลินิก SMEs ปรึกษาปัญหาในทุกมิติแบบตัวต่อตัว พร้อมเปิดลู่ทางเข้าสู่โมเดิร์นเทรด คาดหวังกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในท้องถิ่นทั่วประเทศ

วันที่ 19 มิถุนายน 2568 ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย แต่การเติบโตของ SMEs ยังคงเผชิญกับข้อจำกัดหลายประการ โดยเฉพาะเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ความสามารถในการแข่งขัน การเข้าถึงและขยายตลาด รวมทั้งการขาดองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ

ทั้งนี้จากรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ความต้องการสินเชื่อภาคธุรกิจในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันผลสำรวจก็ยังพบว่า มาตรฐานการให้สินเชื่อภาคธุรกิจโดยรวม ยังมีความเข้มงวดมากขึ้นด้วย ส่งผลให้สินเชื่อภาคธุรกิจในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ติดลบ 0.8% สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า การเข้าถึงแหล่งเงินทุนยังเป็นปัญหาที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ไม่นับรวมปัญหาอุปสงค์และกำลังซื้อการบริโภคที่ลดลง สินค้าจากต่างประเทศที่ทะลักเข้ามามากขึ้น ปัญหาการขยายตลาด และปัญหาต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของ SMEs โดยเฉพาะในพื้นที่ภูมิภาค“ ปี 2568 เดิมทีหลายหน่วยงานมองว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น แต่ด้วยปัจจัยภายนอกหลายๆอย่าง ทำให้สถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ โดยเฉพาะในเรื่องสงครามการค้า และการขึ้นภาษีตอบโต้จากสหรัฐ กลายเป็นปัจจัยบั่นทอนที่ทำให้ภาคธุรกิจเดินหน้าได้ลำบากยิ่งขึ้น ซึ่งทางออกของปัญหานี้ ทุกฝ่ายคงต้องช่วยกัน โดยหอการค้าไทยนั้น นอกจากการนำเสนอแนวทางให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ ไปยังภาครัฐแล้ว เรายังผลักดันแนวทางในการปรับตัวไปยังภาคเอกชนด้วยกันเองด้วย

โดยหอการค้าไทย เล็งเห็นถึงความสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพของ SMEs จึงได้ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ จัดงานมหกรรม SMEs หอการค้า 5 ภาค "Unlocking SME for Sustainable Future" ขึ้น เพื่อส่งเสริมความรู้ทางการเงิน และความรู้ในด้านอื่น ๆ ที่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานและและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจให้แข็งแกร่ง, SME คลินิก ที่ให้คำปรึกษาในการขอสินเชื่อ การบริหารจัดการและการตลาด กิจกรรมโครงการดี ๆ จาก SME Development Center ของหอการค้าไทย ที่ช่วยในการขยายธุรกิจของ SMEs และการจับคู่ธุรกิจ ที่จะช่วยให้ SMEs ขยายโอกาสทางการตลาดเข้าสู่ Modern Trade โดยคณะกรรมการจับคู่ธุรกิจ ซึ่งจะช่วยยกระดับและปรับเปลี่ยน SMEs ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนต่อไป

นายธวัชชัย เศรษฐจินดา กรรมการเลขาธิการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดงานมหกรรม SME หอการค้า 5 ภาค Unlocking SME for Sustainable Future “ ปรับเปลี่ยนธุรกิจให้อยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืน” เป็นโครงการที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบ SMEs ในภูมิภาคอย่างครบวงจร โดยภายในงานจะแบ่งออกเป็น 2 โซน
1. โซนให้องค์ความรู้ ประกอบด้วย การบรรยายในหลากหลายหัวข้อ เช่น
-วิทยากรผู้ประกอบการ SME ที่ประสบความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนธุรกิจ และสามารถขยายธุรกิจไปในระดับประเทศและต่างประเทศได้ การบรรยายให้ความรู้ในด้านการเงิน และการเตรียมความพร้อมเพื่อขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน
-องค์ความรู้ที่จำเป็นในการพัฒนาและปรับเปลี่ยนธุรกิจในอนาคต ได้แก่ Digital AI Robot & ESG และ ธุรกิจสีเขียว Green Economy 
-หลักสูตรและกิจกรรมของศูนย์ SME Development Center ของหอการค้าไทย เช่น โครงการ Big Brother พี่ช่วยน้อง ที่จะทำให้ผู้ประกอบการ SME สามารถขยายและ Scale up ธุรกิจได้
-การสร้างโอกาสในการขยายตลาดของ SME เข้าสู่ Modern Trade โดยคณะกรรมการจับคู่ธุรกิจ Business Matching ของหอการค้าไทย

2.โชน SME Clinic ที่จะให้คำปรึกษากับผู้ประกอบการ SME โดยหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่จะไขปัญหาในการขอสินเชื่อ การแก้ปัญหาติดเครดิตบูโร การบริหารจัดการ, บัญชีและภาษี รวมทั้งการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) กับห้าง Modern Trade นอกจากนั้นยังมีบูธของสถาบันการเงินที่จะนำเสนอสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษ และสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิกเครือข่ายหอการค้าไทย และผู้ประกอบการ SME ในภูมิภาค

สำหรับการงานมหกรรม SMEs หอการค้า 5 ภาค มีเป้าหมายผู้ประกอบการ SMEs เข้าร่วมงานจำนวน 1,000 ราย โดยกำหนดสถานที่การจัดงาน ดังนี้
- ครั้งที่ 1 ภาคเหนือ (จ.กำแพงเพชร) วันที่ 4 กรกฎาคม 2568
- ครั้งที่ 2 ภาคใต้ (จ.พังงา)  วันที่ 4 สิงหาคม 2568
- ครั้งที่ 3 ภาคกลาง (จ.นครปฐม) วันที่ 12 กันยายน 2568
- ครั้งที่ 4 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (จ.ขอนแก่น) วันที่ 3 ตุลาคม 2568
- ครั้งที่ 5 ภาคตะวันออก (จ.ระยอง) วันที่ 23 มกราคม 2569