เปิดวิสัยทัศน์ท่องเที่ยวไทยปี 2025 ชูความยั่งยืนและการพัฒนา ยกระดับท่องเที่ยวไทยไปสู่ระดับโลก

วันที่ 19 มิ.ย.68 สยามรัฐ จัดงานสัมมนาพิเศษหัวข้อ “โอกาสไทย เวทีไทย เวทีโลก” วาระครบรอบ 75 ปี หนังสือพิมพ์สยามรัฐรายวัน โดยมีนายกตพล คงอุดม กรรมการผู้จัดการบริษัท สยามรัฐ จำกัด เป็นประธานเปิดการสัมมนา ที่ Phenix Auditorium Hall อาคาร Phenix ประตูน้ำ

นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวในเวทีการสัมมนาพิเศษ“ โอกาสไทย เวทีไทย เวทีโลก ”ในวาระครบรอบ 75 ปี หนังสือพิมพ์สยามรัฐรายวัน ว่า นโยบายหลักที่เป็นเรือธงในรัฐบาลของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คือในเรื่องของการท่องเที่ยวที่จะไปดูแล และอุ้มชูที่จะปักหมุดประเทศไทยเป็นเวิลด์คลาสเดสติเนชั่น  ซึ่งปีที่ผ่านมานำโดยนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ทำให้ปลายปี 2567 ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็น 35 ล้านคน สะท้อนถึงว่าประเทศไทยมีความพร้อมในโครงการพื้นฐานที่เชื่อมโยงไปเรื่องต่างๆ โดยตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็น ว่า ประเทศไทยมีความพร้อม 

ขณะเดียวกันในปี 2568 ไทยประกาศเป็นปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ซึ่งจะมีอีเวนท์ใหญ่ๆ ทั้งปี ทั้งในเรื่องของการท่องเที่ยว และกีฬา เพื่อให้ถึงตัวเลขเดิมที่ตั้งเป้า คือ 39 ล้านคนรายได้ 3.5 ล้านล้านบาท แต่ทว่าตัวเลขดังกล่าวก็จะต้องมาวางแผนให้ดีในส่วนของคุณภาพ และปริมาณ เป็นอย่างไร เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเกิดคำว่า โอเวอร์ ทัวริสซึ่มขึ้น โดยในหลายๆ ประเทศ เช่น ภูฐาน จะมีการเก็บค่าธรรมเนียมรักษาความยั่งยืน หรือ sustainable fee ต่อวันๆละ 100 เหรียญ ตรงนั้นก็จะนำพาไปสู่ความยั่งยืนของการท่องเที่ยว เพราะถ้าเมื่อไรขนาดของดีมานด์ และซัฟพลายด์ ไม่สมดุลกันก็จะทำให้การท่องเที่ยวถูกบ่อนทำลายไปเรื่อยๆ  ทั้งแหล่งท่องเที่ยว หรือสาธารณูปโภค เป็นต้น เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่มีกรมการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือททท.ในการผลักดัให้เกิดการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ไม่ใช่มีเพียงนโยบายที่จะผลักดันให้ช่วยกันรักษา

ขณะเดียวกันก็จะมีการช่วยเหลือในการเข้าถึงแหล่งเงิน ล่าสุดได้เข้าไปพูดคุยกับทาง ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) ในการเข้าถึง 5 Goals ที่มี 2 ใน 3 เป็นเป้าหมายสีเขียวและยั่งยืนสำหรับการท่องเที่ยว หมายถึง การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals - SDGs) คือ  Goals GREEN และ  Goals Suustanable  เพราะการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งที่ต้องห่วงใยเรื่องธรรมชาติ เพื่อไม่ให้เกิดโอเวอร์ทัวริสซึ่ม  อีกทั้งมีการหยิบเรื่อง CBT คอมมูนิตี้ หรือ การท่องเที่ยวโดยชุมชน (Community Based Tourism)  ในการนำมาพัฒนาให้เกิดการท่องเที่ยวที่แข็งแรงภายในชุมชนออกไป  ประกอบกับ SDG  Goals 7 ประเด็นของทาง UN ประกาศไว้เป็นเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งประเทศไทยก็พยายามเข้าสู่ Net Zero และในเรื่องของ Low Cabon ทัวริสซึ่ม เพราะฉะนั้นจึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการเดินทางไปสู่เส้นชัยของตัวเลข และรายได้นักท่องเที่ยว ในขณะเดียวกันประเทศก็ต้อง  Goals GREEN อย่างที่ประกาศไว้

โดยในเรื่องของ ซีเกมส์ปลายปีนี้ ก็จะเป็น Green SEA Games  ส่วนการท่องเที่ยวเราก็จะผลักดันเข้าสู่แหล่งเงินเพื่อจะนำไปพัฒนายกระดับตัวเองให้เข้าสู่การแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการขอใบอนุญาตโรงแรม และการที่เข้าสู่ Green Hotel อย่างไร เพราะไม่เช่นนั้นการที่เราจะเข้าไปดูในเรื่องของ OTA ต่างๆ เกี่ยวกับแพลตฟอร์มดังกล่าว ก็จะเห็นว่า บรรทัดแรกๆ นักท่องเที่ยวต่างชาติก็จะดูในเรื่องของการหลักเกณฑ์ด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนสำหรับแหล่งท่องเที่ยว Global Sustainable Tourism Criteria (GSTC) หรือใบรับรองในเรื่องของการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งถ้าไม่อยู่ในรูปแบบดังกล่าวก็จะถูกมองข้ามไป อีกทั้งถ้าภาพใหญ่ขยายเป็นวงกว้างก็จะมองข้ามประเทศไปเลย ดังนั้นในส่วนนี้ทั้งรัฐบาล และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้ความสำคัญอย่างยิ่งที่จะเก็บสิ่งที่ดีให้เป็นรากฐานต่อไปในเรื่องของเศรษฐกิจท่องเที่ยวเดิม ในขณะเดียวกัน ในเทียร์ถัดไปก็จะมีการศึกษาในการสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ว่าจะเป็นแลนด์มาร์คใหม่ หรือแมนเมดเดสติเนชั่น เพื่อจะตอบโจทย์ทั้งหมด  

นายจักรพล ยังกล่าวถึงการยกระดับการท่องเที่ยวไทยไปสู่ระดับโลกเพื่อจะทวงคืนตำแหน่งท็อปไฟว์ในอาเซียน ก็จะต้องปฏิบัติตนในการพลิกแพลงในหลายทักษะ ทั้งในเรื่อง สกิลต่างๆ ที่จะต้องพัฒนาขึ้นมา เรื่องของเอไอ โดยมองการพัฒนาเป็น 2 ช่วงคือ ช่วงแรกรักษาเพชรเม็ดงามที่ประเทศไทยได้รังสรรค์การท่องเที่ยวและการบริการมาอย่างยาวนาน ส่วนช่วงถัดไป จะต้องสร้างอะไรขึ้นมาเพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวยังเลือกประเทศไทย เป็นประเทศที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว มาลงทุน และสิ่งที่ยากยิ่งกว่าการมาซ้ำตรงนี้จะต้องทำอย่างไรต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายและกำลังดำเนินการร่วมกันอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้จากการดำเนินงานตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2567 จนมาถึงปัจจุบันมีอีเวนท์มากมาย โดยมีการสร้างอัตลักษณ์ในการนำเสนอออกไปว่า ประเทศไทยมีจุดแข็งมากมาย แต่สิ่งที่ท้าทาย คือไตรมาส 3-4 ปี 2568 จะต้องทำอย่างไร และโปรโมชั่นในการที่จะขยายตลาด ซึ่งเวลานี้ตลาดระยะสั้นของไทยเสียตัวเลขในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่ก็ได้ตลาดอื่นๆ มาทดแทน ทั้ง ตลาดอินเดีย ตลาดมาเลเซียที่มีตัวเลขก้าวกระโดดสูงมาก และในกลุ่มตลาดระยะไกล มีตลาดตะวันออกกลาง กลุ่มอารบิก ซึ่งเป็นกลุ่มที่การใช้จ่ายตัวหัวสูง ซึ่งตลาดตรงนี้ก็จะมารีเพลส ในส่วนของช่องว่างของรายได้ที่หายไป

ขณะเดียวกันในเรื่องของความปลอดภัยก็จะมีการนำเอไอมาจับ นำเรื่องของดาวเทียวมาใช้รในการเฝ้าดูแลนักท่องเที่ยวตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง และแอปพลิเคชั่น T-D.A.C. (Thailand Digital Arrival Card) เป็นระบบสำหรับชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย ที่ทำงานร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือตม. ตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจสันนิบาลทั่วประเทศ เพื่อจะสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวกลับมาอีกครั้ง

ส่วนปัจจัยลบที่มากระทบการท่องเที่ยว คงจะต้องเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่จะต้องอธิบายออกไปอย่างรวดเร็ว และตรงประเด็น และลดการสั่นคลอน ลดคำครหา ส่วนอีเวนท์สำคัญ เช่น ปีนี้อีก 2 เดือนข้างหน้าจะมีวอลลเลย์บอลโลก ปลายปี 2568 มีซีเกมส์ ส่วนไตรมาส 4 จะมีเมกะคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ที่พยายามรังสรรค์ รวมถึงอีเวนท์ทั่วไทย ทั้ง 22 เมืองหลัก และ 55 เมืองน่าเที่ยว ซึ่งในการดำเนินงานต่างๆ นำเสนอความโดดเด่นในเรื่องของการท่องเที่ยว และพร้อมต้อนรับนักเดินทางจากทั่วโลกด้วยอัตลักษณ์ความเป็นคนไทย ซึ่งเป็นซอฟท์พาวเวอร์ของไทยที่แข็งแรงมาก ที่ทำให้ประเทศไทยยืนหนึ่งในเรื่องของการท่องเที่ยว เป็นสิ่งนี้ที่สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างไม่รู้เลือน