คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) จัดกิจกรรม “HT Networking 2025” ต้อนรับนักศึกษาใหม่ชั้นปีที่ 1 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 โดยเชิญเชฟชื่อดังระดับโลกมาถ่ายทอดประสบการณ์ตรง พร้อมเปิดเวทีให้ครูแนะแนวจากโรงเรียนพันธมิตรร่วมเรียนรู้และทำกิจกรรมควบคู่กับนักศึกษา เพื่อส่งเสริมการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางการศึกษา และพัฒนาทักษะวิชาชีพ การสื่อสาร และ Soft Skills ที่จำเป็นต่อการทำงานในยุคใหม่ ตั้งแต่วันแรกของการเรียนในระดับอุดมศึกษา
ภายในงานนักศึกษาได้สัมผัสกับโลกธุรกิจบริการผ่านมุมมองของสองเชฟผู้คร่ำหวอดในวงการ ได้แก่ “เชฟแตง-จิตรลดา สิระชาดาพงศ์” และ “เชฟเจเรมี่ ซีเมี่ยน” ซึ่งมาพร้อมประสบการณ์ตรงและมุมมองใหม่ในสายอาชีพ โดยเชฟแตง เป็นอดีตทนายความผู้ค้นพบแพสชั่นด้านการทำอาหารและผันตัวมาเป็นเชฟมืออาชีพ มีความสามารถโดดเด่นในการยกระดับวัตถุดิบท้องถิ่นและจัดอีเวนต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ MICE ซึ่งทำงานร่วมกับ ททท. เกาะสมุย ส่วนเชฟเจเรมี่ นั้นเป็นเชฟชาวนิวซีแลนด์ผู้เชี่ยวชาญอาหารภาคใต้ของไทยแบบ “Fine Dining” ให้กับบุคคลสำคัญและกองถ่ายต่างประเทศ อาทิ (Guy Savoy) เชฟมิชลินและเมนเทอร์ของเชฟชื่อดังอย่าง กอร์ดอน แรมซีย์ (Gordon Ramsay) ผู้กำกับฮอลลีวู้ด กาย ริชชี่ (Guy Ritchie) โดยทั้งเชฟสองท่านมาจาก Chada Culinary สมุย ที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
สำหรับกิจกรรมไฮไลต์คือ การสาธิตและร่วมทำ Dessert Table Show “โคโคนัทช็อกโกแลต” ในรูปแบบ DIY ความยาวกว่า 30 เมตร ซึ่งเป็นโต๊ะของหวานที่เชฟ ครูแนะแนวและนักศึกษา ได้ลงมือทำและรับประทาน นับเป็นสถิติแรกของมหาวิทยาลัย และยังเป็นบทเรียนเชิงปฏิบัติที่สำคัญเกี่ยวกับการสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัตถุดิบเหลือใช้ โดยมีรายได้ส่วนหนึ่งสนับสนุนโครงการอาหารช้างป่าในเกาะสมุย เป็นการตอกย้ำแนวคิดธุรกิจเพื่อความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม ที่สำคัญควบคู่ไปกับการจัดเวิร์กชอป เชฟยังได้นำเสนอแนวทางอาชีพหลากหลายกว่าเชฟในครัวโรงแรม เช่น เชฟส่วนตัวบนเรือสำราญระดับ 5 ดาว หรือเชฟประจำวิลล่าหรู ซึ่งช่วยเปิดมุมมองว่า “อาชีพด้านอาหารนั้นเป็นมากกว่าเพียงแค่การทำครัว” แต่คือศิลปะแห่งการรังสรรค์และตกแต่งอาหารที่ไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง
ดร.ยุวรี โชคสวนทรัพย์ คณบดีคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) กล่าวถึงความสำคัญของกิจกรรมว่า กิจกรรมนี้เป็นด่านแรกของการเปิดโลกธุรกิจบริการให้กับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 และนักเรียนสายอาชีวะ ได้สัมผัสประสบการณ์จริงจากเชฟผู้มากความสามารถ เพื่อจุดประกายแรงบันดาลใจและสร้างความเข้าใจในเส้นทางอาชีพที่หลากหลายตั้งแต่เนิ่นๆ
คณบดีคณะการท่องเที่ยวฯ ยังกล่าวเสริมว่า กิจกรรมนี้ยังเปรียบเสมือนงานศิลปะที่แสดงให้เห็นว่าการออกแบบอาหารไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่บนจานสวยงามเท่านั้น แต่สามารถสร้างสรรค์ในรูปแบบที่หลากหลายได้ นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงกับกิจกรรม CSR ที่เชฟทั้งสองเคยทำ เช่น การทำอาหารกลางวันเลี้ยงเด็กให้กับโครงการ AIA ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้ทักษะวิชาชีพในบริบทที่แตกต่างและมีคุณค่าต่อสังคม ประสบการณ์เหล่านี้ตอกย้ำว่าการประกอบอาชีพในธุรกิจบริการไม่ได้จำกัดอยู่แค่การสร้างสรรค์ผลงานเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนอีกด้วย
เพื่อเร่งผลิตบุคลากรคุณภาพสู่ภาคอุตสาหกรรม คณะการท่องเที่ยวฯ DPU ได้ปรับลดหน่วยกิตให้เป็น 120 หน่วยกิต ในปี 69 เพื่อให้สำเร็จการศึกษาได้รวดเร็วขึ้น และเน้นการปฏิบัติจริงมากขึ้น ลดทอนเนื้อหาภาคทฤษฎีลง พร้อมมุ่งเน้นการเสริมสร้างทักษะ Soft Skills ตามข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการ โดย ดร.ยุวรี ย้ำว่า "เรามุ่งมั่นพัฒนา Soft Skills ตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งการสื่อสารภาษาไทยและต่างประเทศ รวมถึงการทำงานเป็นทีม ซึ่งเป็นทักษะที่ภาคธุรกิจต้องการอย่างมากในบัณฑิตยุคใหม่"
นอกจากนี้ การปรับหลักสูตรยังรวมถึงการเร่งให้นักศึกษาเข้าสู่สถานประกอบการเร็วขึ้น อาจารย์ทิพย์อาภรณ์ สว่างผล รองคณบดีคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม DPU ชี้แจงเสริมว่า การฝึกงานของนักศึกษาจะเริ่มต้นตั้งแต่ชั้นปีที่ 3 แทนที่จะเป็นปี 4 เพื่อให้นักศึกษาได้สัมผัสสถานประกอบการเร็วขึ้นและมีเวลาเตรียมตัวก่อนจบการศึกษา โดยผู้ประกอบการโรงแรมได้ให้ข้อเสนอแนะว่า "การฝึกงานปี 4 อย่างเดียวไม่เพียงพอ การฝึกตั้งแต่ปี 3 จะทำให้นักศึกษาตระหนักรู้บทบาท หน้าที่งานในด้านต่าง ๆ และได้รับบทเรียนจากการทำงานจริงได้ทันท่วงที"
คณะการท่องเที่ยวฯ ยังยึดถือปรัชญา การดูแลนักศึกษาอย่างใกล้ชิดเสมือนคนในครอบครัว ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสำเร็จการศึกษา โดยคณาจารย์จะให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนนักศึกษาเพื่อให้นักศึกษา "ประสบความสำเร็จในแบบฉบับของตัวเอง" พร้อมทั้งผสมผสานกิจกรรมนอกห้องเรียนเพื่อให้นักศึกษาเห็นภาพรวมของสายอาชีพ และต่อยอดความรู้ได้อย่างเป็นรูปธรรม
กิจกรรมนี้ยังเป็นโอกาสสำคัญในการสานสัมพันธ์อันดีระหว่างคณะการท่องเที่ยวฯ กับครูแนะแนว ซึ่งถือเป็นพันธมิตรที่สำคัญในการเปลี่ยนผ่านของนักเรียนสู่ระดับมหาวิทยาลัย อาจารย์ทิพย์อาภรณ์ เผยว่า คณะการท่องเที่ยวฯ มุ่งมั่นที่จะกระชับความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ผ่านกิจกรรมที่เน้นการสร้างความเข้าใจในรูปแบบการเรียนรู้ และทิศทางของหลักสูตรอย่างลึกซึ้ง
การที่ครูแนะแนวได้รับโอกาสเข้าร่วมเวิร์กชอป "โคโคนัทช็อกโกแลต" และได้เห็นพัฒนาการของนักศึกษาที่ก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย DPU โดยมีคณาจารย์และผู้บริหารจากคณะการท่องเที่ยวฯ อาทิ อาจารย์พรทิพย์ บุญเที่ยงธรรม หัวหน้าการตลาดและประชาสัมพันธ์ คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม, ดร. อนันต์ เชี่ยวชาญกิจการ รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา, อาจารย์ ชงค์สุดา โตท่าโรง หัวหน้าหลักสูตรการโรงแรมและธุรกิจอาหาร, อาจารย์ศิริพร อำไพลาภสุข หัวหน้าหลักสูตรการท่องเที่ยวและธุรกิจอีเวนต์, อาจารย์ธีราพัทธ์ ชมชื่นจิตต์สิน หัวหน้าหลักสูตรศิลปะการประกอบอาหาร และอาจารย์ประจำหลักสูตรปริญญาตรีทุกหลักสูตร มาร่วมให้การต้อนรับและดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงการได้เห็นลูกศิษย์ของตนเติบโตขึ้น ทำให้คุณครูรู้สึกมั่นใจว่าได้แนะนำนักเรียนมาถูกทาง และได้พาพวกเขาเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานในอนาคต
อาจารย์ทิพย์อาภรณ์ ยังได้กล่าวย้ำทิ้งท้ายว่า กิจกรรมเช่นนี้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับครูแนะแนวว่าหลักสูตรของคณะการท่องเที่ยวฯ ทันสมัย และพร้อมที่จะผลิตบัณฑิตเข้าสู่อุตสาหกรรม โดยครูแนะแนวจะได้รับทราบโดยตรงถึงการปรับหลักสูตรที่ทันสมัยตามคำแนะนำของผู้ประกอบการ และสอดคล้องกับความห่วงใยของผู้ปกครองที่ต้องการให้บุตรหลานมีอนาคตการทำงานที่มั่นคง ทั้งหมดนี้ทำให้ครูแนะแนวมีข้อมูลครบถ้วน ในการแนะนำเส้นทางอาชีพให้กับนักเรียนได้อย่างถูกต้องและตรงเป้า
สำหรับกิจกรรม “HT Networking 2025” สะท้อนมุมมองของ 3 หลักสูตรหลักของคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรมได้อย่างครบถ้วน ทั้งมิติของศิลปะการประกอบอาหาร มิติของการให้บริการของธุรกิจอาหารที่เหนือระดับ รวมถึงการสร้างสรรค์ประสบการณ์มูลค่าสูง (High Value Experience) ผ่านกิจกรรมอีเวนต์ โดยกิจกรรมได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักศึกษาชั้นปีที่ 1, นักศึกษา ปวส. ปี 2 จากวิทยาลัยเทคโนโลยีวิบูลย์บริหารธุรกิจ รามอินทรา และครูแนะแนว รวมกว่า 200 คน ที่มาร่วมเรียนรู้และสัมผัสบรรยากาศของคณะการท่องเที่ยวฯ
เพื่อต่อยอดประสบการณ์ให้แก่นักศึกษาอย่างต่อเนื่อง คณะการท่องเที่ยวฯ ยังคงจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น เช่น การพานักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาการท่องเที่ยวและธุรกิจอีเวนต์ ไปทัศนศึกษาครั้งแรกเพื่อเปิดมุมมองเส้นทางอาชีพสายการท่องเที่ยวและธุรกิจอีเวนต์ ณ พิพิธภัณฑ์จิม ทอมป์สัน เพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผ่านประสบการณ์การเดินทาง พร้อมกับเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้สัมผัสบรรยากาศของสถานที่จัดงานอีเวนต์ระดับโลกของจริง ซึ่งเป็นที่จัดงานสำคัญอย่าง World Gourmet Festival ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ
นอกจากนี้ คณะการท่องเที่ยวฯ ยังนำนักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาการโรงแรมและธุรกิจอาหาร ไปเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ที่ TK Park และไปเปิดประสบการณ์ด้านธุรกิจโรงแรมก่อนเริ่มเรียนจริงที่ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ โดยนักศึกษาจะได้ชมส่วนต่างๆ ของโรงแรม พร้อมรับประทานอาหารกลางวันควบคู่กับการเรียนรู้การทานอาหารแบบบุฟเฟ่ต์
ส่วนในอนาคตอันใกล้นี้ คณะการท่องเที่ยวฯ ยังมีแผนพานักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาศิลปะการประกอบอาหาร ไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตน้ำตาลโตนดที่ จ.ราชบุรี เพื่อให้นักศึกษาเข้าใจที่มาของวัตถุดิบ อันเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดการเรียนรู้แบบเจาะลึกถึงต้นตอในทุกๆ รายวิชา และจุดประกายความคิดสร้างสรรค์จากรากฐานที่แท้จริงของอุตสาหกรรม ทั้งหมดนี้เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือ “การสร้างบัณฑิต” ที่มีคุณภาพและพร้อมสำหรับโลกแห่งการทำงานในอนาคตอย่างมั่นคง