วันที่ 18 มิ.ย.2568 เวลา 11.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ  ปานแก้ว รอง ผบช.ภ., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พ.ต.อ.อภิชาติ โพธิจันทร์ รอง ผบก.ปปป.นำโดย พ.ต.อ.วิศิษฐ์ พลบม่วง ผกก.3 บก.ปปป. ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภายใต้การอำนวยการของ นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และนายณัฐวุฒ  ชมประเสริฐ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 3 ได้มอบหมายให้ นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวบสวนและกิจการพิเศษ นายชัยวัฒน์ ทองเกษม ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดยโสธร และนายไพโรจน์ นิยมเดชา ผู้อำนวยการกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักสืบสานและกิจการพิเศษ และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดยโสธร สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ภายใต้การอำนวยการของ นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายเอกชัย เกษสุธวัช รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท, พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท.สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ภายใต้การอำนวยการของ นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และนายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ร่วมกันสืบสวนและจับกุม นาง ว อายุ 46 ปี ผู้อำนวยการกองคลังองค์การบริหารสวนตำบลแห่งหนึ่ง ในอำเภอไทยเจริญ จังหวัดยโสธร  

ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 ที่ 13/2568 ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2568 ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่ง ผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, มาตรา 157 และความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172

พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณเดือน มีนาคม 2568 สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ให้ข้อสังเกตุต่อองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งนี้ ว่าอาจมีการเบิกจ่ายงบประมาณผิดปกติ ต่อมา นายกอบต. ได้ตรวจและพบความผิดปกติจริง จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นาง ว ผอ.กองคลัง อบต.  จากผลสอบเบื้องต้นของกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบพบว่าในปีงบประมาณ 2567 – 2568 มีการโอนเงินจากบัญซี อบต. จำนวน 27 รายการ รวมกว่า 9 ล้านบาท โดยไม่มีหลักฐานการเบิกจ่าย

โดย นาง ว ถูกกล่าวหาว่าใช้สิทธิ์ในฐานะผู้ดูแลระบบ KTB Corporate Online ดำเนินการโอนเงินไปยังบัญชีส่วนตัว รวมทั้งยังนำ USER ID และรหัสผ่านของผู้อื่นที่เกษียณอายุราชการไปแล้วมาใช้ในการเข้าระบบเพื่อปกปิดการกระทำดังกล่าว โดยมีการยื่นหนังสือขอเปลี่ยนแปลงผู้ดูแลระบบแต่ไม่ดำเนินการส่งธนาคาร ทำให้ยังสามารถเข้าระบบและถอนเงินได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อผู้ต้องหาสามารถเข้าถึง USER ID และ PASSWORD ของคนอื่น ทำรายการถอนเงินจากบัญชีขององค์การบริหารสวนตำบลคำไผ่ รวมเป็นเงินกว่า 9 ล้านบาท โอนเงินไปยังบัญชีส่วนตัวของผู้ต้องหา 2 บัญชี กรณีนี้เข้าข่ายการยักยอกเงินแผ่นดินโดยทจริต 

เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพและอ้างว่าได้นำเงินที่ยักยอกไปบางส่วนนำไปเล่นพนันและใช้หนี้นอกระบบ และรับว่ากระทำผิดเพียงคนเดียว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนขยายผลต่อไปว่ามีบุคคลอื่นร่วมกระทำผิดด้วยหรือไม่  ซึ่ง อบต.แห่งนี้ ได้รับเงินอุดหนุนจากภาครัฐประมาณปีละ 30 ล้านบาท เท่านั้นแต่ผู้ต้องหาฯได้ยักยอกเงินของ อบต.ไปจำนวนกว่า 9 ล้านบาท ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่ได้รับอุดหนุนมาในแต่ละปี