"ทวี" ขึ้นเชียงราย นำ ปปส.-ตำรวจ-ทหาร ล่าตัว "เสี่ยม้าบิน" แก๊งใหญ่ขนยาเสพติดกบดานท่าขี้เหล็ก จ่อเจรจาเมียนมาจับ-ยึดทรัพย์

วันที่ 18 มิ.ย.2568  พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส.นายธันวา ผุดผ่อง ผู้อำนวยการ ป.ป.ส.ภาค 5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า รอง ผบก.ปส., พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ภ 5, พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย, พ.ต.อ.เทคนิค จันสี ผกก.สภ.แม่สาย, พ.อ.มารุต เปล่งขำ ผู้อำนวยการกอง 12  ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย,พ.อ.ปริญญา วีระศรีนารา รองหัวหน้าส่วนขยาย ฝ่ายข่าวกรอง ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก, นายธนาธิป นวรัตนวรกุล อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด, นายวิญญู มธุโรรส รองผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และ นายสุพจน์ แสนมี ปลัด จ.เชียงราย นำกำลังเจ้าหน้าที่เปิดปฏิบัติกร "ตัดไฟแต่ต้นลมครั้งที่ 4" 

โดยมีการดำเนินการต่อทรัพย์สินของผู้ต้องหาตามหมายจับและเครือญาติรวม 8 คน ในพื้นที่ จ.เชียงราย ผลการปฏิบัติไม่พบบุคคลตามหมายจับตามจุดที่ตรวจค้นเจ้าหน้าที่จึงได้ยึดอายัดทรัพย์สินได้หลายรายการ เช่น ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 2 แห่ง รถยนต์ 1 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน นาฬิกาหรู 1 เรือน รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 15.1 ล้านบาท นอกจากนี้ ป.ป.ส.ยังเตรียมออกหนังสือเชิญบุคคลที่มีเส้นทางการเงินต้องสงสัย จำนวน 12 คน เข้าไปชี้แจงให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมการเงินต้องสงสัยซึ่งหากไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินได้จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นพบทรัพย์สินของบุคคลในเครือข่ายการเงินต้องสงสัยรวมมูลค่าประมาณ 97 ล้านบาท

ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ม.ค.2568 ที่ผานมาทาง ป.ป.ส.ได้จับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 8 คน ที่กรุงเทพฯ พร้อมของกลางยาเสพติดประเภทยาบ้าจำนวนประมาณ 3,000,000 เม็ด จากการตรวจสอบพบของกลางเป็น "นายอาฉ่าง" หรือ "เสี่ยม้าบืน" ซึ่งสั่งการเครือข่ายให้ลักลอบขนยาเสพติดจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ติดชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ให้นำไปส่งใหเครือข่ายตอนในประเทศไทยรวมทั้งส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 ด้วย

เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขอศาลอนุมัติหมายจับ "นายอาฉ่าง" หรือ "เสี่ยม้าบิน" และมีการอนุมัติหมายนจับศาล จ.เชียงราย ที่ 335/2568 ลงวันที่ 30 พ.ค.2568 ความผิดฐาน “ร่วมกันนำเข้ามาในราชอาณาจักร, ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า),สมคบฯ” เพราะ "นายอาฉ่าง" หรือ "เสี่ยม้าบิน" มีศักยภาพในการเข้าถึงกลุ่มผู้ผลิตยาเสพติดในประเทศเมียนมาและยังสามารถจัดหาทีมลักลักลอลลำเลีบงเข้ามตามแนวชายแดนด้าน อ.แม่สาย ก่อนจะขนส่งต่อๆ ไปดังกล่าวโดยถือเป็นผู้มีอิทธพิลในฝั่งเมียนมาด้วย ปัจจุบัน "นายอาฉ่าง" หรือ "เสี่ยม้าบิน" อยู่ในประเทศเมียนมาโดยมีกิจการทั้งใน จ.ท่าขี้เหล็ก และ จ.เชียงตุง ได้แก่ ร้านจำหน่ายทองคำรูปพรรณ รับเหมาก่อสร้าง กิจการอินเตอร์เน็ต สถานบันเทิง (คาราโอเกะ ผับ) โรงแรม ขนส่ง จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ มีมูลค่าทรัพย์สินกว่า 1,000 ล้านบาท

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับความร่วมมือระหว่างไทย - เมียนมา ในการปราบปรามยาเสพติดและเครือข่ายนี้ถือเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ บุคคลเป้าหมายหลักที่ถูกออกหมายจับมีพฤติการณ์ในระดับผู้สั่งการ มีศักยภาพในการจัดหายาเสพติดไปประจายในภูมิภาคต่าง ๆ รวมทั้งนำเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดมาแปลงเป็นทรัพย์สิน ละลงทุนในธุรกิจต่างๆ ทั้งในไทยและเมียนมา ดังนั้นวันที่ 2 ก.ค.นี้ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.ภาณุรัตน์ เดินทางไปพบ พล.ต.ท.วน ซอ โม บัญชาการตำรวจประเทศเมียนมาและเลขาธิการ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 2 ก.ค. 2568 ได้มอบหมายให้ พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมคณะ จะเดินทางไปเมียนมา เพื่อพบกับ พลตำรวจโท วิน ซอ โม ผู้บัญชาการตำรวจเมียนมาและเลขาธิการหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดประเทศเมียนมาหรือ CCDAC และ พล.จัตวา ต่าน ลวิน หม่อง เลขาธิการร่วมสำนักงานคณะกรรมการกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติดประเทศเมียนมา เพื่อหารือเกี่ยวกับเครือข่ายดังกล่าว โดยจะขอความร่วมมือให้ทางเมียนมา ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบุคคลตามหมายจับ และยึดอายัดทรัพย์สินในเมียนมาต่อไป

รานข่าวแจ้งว่าตั้งแต่กลางปี 2567 – ปัจจุบัน ป.ป.ส.ได้ร่วมกับหน่วยงานภาคีเปิดปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลม รวมทั้งสิ้น 4 ครั้ง โดยครั้งแรกจับกุมบุคคลตามหมายจับ 4 คน ตรวจยึดทรัพย์สิน 66 ล้านบาท ครั้งที่ 2 จับกุมบุคคลตามหมายจับ 3 คน ตรวจยึดทรัพย์สิน 101 ล้านบาท ครั้งที่ 3 จับกุมบุคคลตามหมายจับ 1 คน ตรวจยึดทรัพย์สิน 80 ล้านบาท และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 สามารถยึดอายัดทรัพย์สินได้มูลค่าประมาณ 15.1 ล้านบาท และตรวจสอบทรัพย์สินของเครือข่ายธุรกรรมการเงินต้องสงสัยมูลค่ากว่า 97 ล้านบาท.