ไทยมอบอุปกรณ์คอมฯเชียงตุง พ่วงหารือแม่ทัพสามเหลี่ยมเมียนมา ขอเร่งขุดลอกน้ำท่วม ตรวจสารปนเปื้อนในเขตว้า เชื่อเหมืองทำสารหนูกระจาย
วันที่ 18 มิ.ย.2568 มีรายงานว่า ในระหว่างวันที่ 17-20 มิ.ย.2568 นี้ สำนักกิจการชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน กรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย กรมควบคุมมลพิษ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กองทัพภาคที่ 3 และ จ.เชียงราย ได้เดินทางไปประชุมหารือเพื่อสนับสนุนการติดตั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ประจำห้องปฏิบัติการ ติดตามสถานการณ์ไฟป่าบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา การขุดลอกแม่น้ำสาย และการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก ซึ่งเป็นเส้นเขตแดนไทย-เมียนมา ด้าน จ.เชียงราย โดยการประชุมมีขึ้นที่ จ.เชียงตุง เมืองเอกของรัฐฉานตะวันออกและกรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ทั้งนี้ฝ่ายไทยและเมียนมาได้ร่วมกันติดตั้งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ณ สำนักงานทรัพยากรสิ่งแวดล้อม จ.เชียงตุง และมีการประชุมหารือร่วมกับ พล.จ.โซ หล่าย ผบ.ภทบ.ภาคสามเหลี่ยม เยี่ยมชมสำนักงานทรัพยากรสิ่งแวดล้อม จ.เชียงตุง อบรมการติดตามไฟป่า การสาธิตของผู้เข้ารับการอบรม ฯลฯ
ฝ่ายไทยได้แจ้งข้อหารือกรณีแก้ปัญหาอุทกภัยหรือน้ำท่วมว่า จากการประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-เมียนมา เกี่ยวกับเขตแดนคงที่ช่วงแม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก (JCR) และ Sub-JCR แล้วทางฝ่ายไทยได้มีการขุดลอกไปแล้วมากกว่าร้อยละ 50 และทราบว่าฝ่ายเมียนมา ได้เริ่มขุดลอกตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว จึงขอให้ช่วยเร่งรัดให้แล้วเสร็จตามแผยที่วางไว้ภายในอีก 40 วัน ส่วนฝ่ายไทยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ก.ค.2568 ขณะที่การรื้อถอนสิ่งก่อสร้างรุกล้ำแม่น้ำสาย ฝ่ายเมียนมา ดำเนินการไปแล้ว 45 จุด คงเหลือ 31 จุด จึงขอให้ฝ่ายเมียนมา เร่งรัดเพื่อให้แม่น้ำสายมีความกว้างกว่าเดิมส่วนส่วนฝ่ายไทยดำเนินการจำนวน 24 จุด
นอกจากนี้ฝ่ายไทยไ ด้หารือเรื่องสารปนเปื้อนในแม่น้ำสายว่า กรมควบคุมมลพิษของไทยโดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่ ได้ตรวจคุณภาพน้ำผิวดินจำนวน 3 ครั้ง คือวันที่ 21-24 เม.ย.2568,วันที่ 1-2 พ.ค.2568,และวันที่ 19 พ.ค.2568 จำนวน 17 จุด ต่างพบมีสารหนูเกินค่ามาตรฐานโดยในแม่น้ำสายอยู่ที่ 0.044-0,048 มิลิกรัมต่อลิตร ซึ่งคาดว่าเกิดกระบวนการทำเหมืองแร่ ที่ไม่ได้รับการบำบัดในพื้นที่ต้นน้ำฝั่งเมียนมา บริเวณ จ.เมืองสาด เมืองยอน รวมทั้ง จ.ท่าขี้เหล็ก ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ
จึงขอความร่วมมือฝ่ายเมียนมา ให้แก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยขอให้ชุดตรวจของกรมควบคุมมลพิษของไทยได้เข้าไปตรวจในพื้นที่ของเมียนมา ขอข้อมูลสัมปทานที่เมียนมาให้ไว้กับบริษัทต่างๆ เพื่อใช้ในการเจรจากับประเทศที่สัญชาติเดียวกับบริษัท และฝ่ายไทยยินดีจะเข้าไปให้ข้อแนะในการทำเหมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย.