“นายกฯ” สั่ง “กองทัพ-แรงงาน-กต.” เตรียมอพยพแรงงานไทยในอิสราเอล พร้อมตั้งศูนย์ช่วยเหลือ ส่วน “ก.พลังงาน” เตรียมสำรองน้ำมัน–พยุงราคาสู้วิกฤต
เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 17 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการอพยพคนไทย ออกจากประเทศอิสราเอล หลังจากมีสถานการณ์การสู้รบกับประเทศอิหร่านว่า ทางกองทัพ กระทรวงแรงงาน และ กระทรวงการต่างประเทศ ประสานพร้อมหมดแล้วที่จะสามารถอพยพคนไทยออกมา รวมถึงมีการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือแรงงาน และติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล เพื่อเป็นศูนย์กลางในการรับข้อมูลต่างๆ ในส่วนของการกองทัพที่ได้พูดคุยกัน ก็พร้อมที่จะอพยพแรงงานไทย ซึ่งขณะนี้จากการลงทะเบียนพบว่ามีแรงงานไทยอยู่เกือบ 4 หมื่นคน
ทั้งนี้ได้มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยกองทัพอากาศได้เตรียมความพร้อมในเรื่องของเครื่องบิน ขอยืนยันว่ารัฐบาลได้เตรียมความพร้อมในทุกมาตรการ เพื่อรับมือกับเรื่องนี้อย่างครบถ้วนและเต็มที่
เมื่อถามว่า เราสามารถสั่งอพยพได้เลยหรือไม่ เพราะทางสหรัฐอเมริกาและจีนสั่งอพยพแล้ว นายกฯ กล่าวว่า ก็มีสหรัฐอเมริกาและจีนที่สั่งอพยพแล้ว ซึ่งเรากำลังดูว่าคนไทยตรงนั้นมีความพร้อมแค่ไหน และเรามีอุปกรณ์เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว รวมถึงจะประสานกับหน้างาน หากมีการอพยพก็จะดำเนินการได้ทันที
เมื่อถามต่อว่า ได้มีการแจ้งเตือนไปยังแรงงานที่อยู่ในอิสราเอลแล้วใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า แจ้งเตือนเรียบร้อยแล้วและต้องประสานกับทางสถานทูตที่นั่นด้วย
ด้าน นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า หลังจากเกิดการสู้รบระหว่างอิสราเอลและอิหร่านในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ล่าสุดจะมีรายงานข่าวว่าอิหร่านพร้อมกลับมาเจรจาเรื่องโครงการพัฒนานิวเคลียร์กับสหรัฐฯ หลังจากที่อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจาไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ตามนั้น แต่สถานการณ์การสู้รบก็ยังมีความไม่แน่นอน ทำให้หลายประเทศเกิดความกังวลต่อสถานการณ์
รองปลัดกระทรวงพลังงาน ย้ำว่า กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ติดตามและประเมินสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านอย่างใกล้ชิด ได้เตรียมพร้อมในเรื่องของปริมาณสำรองพลังงาน ซึ่งมีข้อกำหนดและมาตรการในการสำรองปริมาณน้ำมัน และก๊าซหุงต้มอยู่แล้ว รวมถึงการเตรียมแนวทางการบริหารจัดการด้านราคา หากการสู้รบรุนแรงขึ้นและยืดเยื้อ
"ไทยเป็นประเทศนำเข้าน้ำมัน ทำให้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านราคาได้ ซึ่งเมื่อวานนี้ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงก็ได้มีมติปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการ หากราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นอีก จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพลังงานจะติดตามสถานการณ์ และดำเนินทุกมาตรการ เพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคา และปริมาณสำรองน้ำมัน และขอให้ประชาชนใช้พลังงานอย่างประหยัดเพื่อลดการนำเข้า ก็จะช่วยให้ประเทศลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ด้วย" นายวีรพัฒน์ กล่าว