“นายกฯอิ๊งค์” เสียงแข็งไม่มีคุยปรับ ครม.กับ “ภูมิใจไทย” ไม่การันตี ให้งาน “มท.1” แล้วได้อยู่ ด้าน “อนุทิน” ฟ้องนายกฯ ภูมิใจไทยโดนคดีฮั้วสว. โอดรัฐบาลไหนก็ไม่เคยมี ยุค”ทักษิณ” ถูกรัฐประหาร ยังไม่เล่นแรงขนาดนี้ งงมาจากระบอบประชาธิปไตย แต่ถูกกล่าวล้มล้างการปกครอง “โฆษก ภท.” แจงเลื่อนเข้ารับทราบ“คดีฮั้ว สว.” ไป 30 มิ.ย. ลั่นเตรียมฟ้องชุดไต่สวน “กกต.”แน่ มั่นใจเป็นเกมการเมืองจ้องล้มพรรค ส่วน “กรวีร์” ยันไม่กังวล มั่นใจเป็นประเด็นการเมืองโยงปรับ ครม.
เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 17 มิ.ย. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สัมภาษณ์กรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้มีการพูดคุยเรื่องปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ว่า ไม่ได้คุย แต่คุยเรื่องเนื้องาน นโยบายต่างๆที่เราจะขับเคลื่อนที่ยังติดขัดในบางจุด ซึ่งตนบอกไปแล้วว่า ตรงไหนอยากให้มีการขยับมากยิ่งขึ้น
เมื่อถามว่า การวางงานยาวแบบนี้สะท้อนให้เห็นว่า นายอนุทิน จะอยู่ในตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ยาวไปด้วยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “ก็แล้วแต่จะมองในการพิจารณา เพราะทุกกระทรวง ไม่ว่าจะเปลี่ยนรัฐบาลหรือเปลี่ยนรัฐมนตรีไปเป็นใคร ก็ต้องทำงานต่ออยู่ดี”
เมื่อถามว่า ตอนตั้งรัฐบาลมีเงื่อนไขว่าใครจะได้อยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรียาวหรือไม่ยาวหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “เงื่อนไขในตอนตั้งรัฐบาลหรือไม่ ไม่ได้มีนะคะ ไม่มีเงื่อนไขนี้ พูดคุยแต่เรื่องกระทรวงเฉยๆ“
เมื่อถามย้ำว่า มีข่าวว่าพรรคภูมิใจไทยพร้อมไปเป็นฝ่ายค้านหากปรับเอาเก้าอี้ รมว. มหาดไทยคืน ทางพรรคภูมิใจไทย ได้สื่อสารเรื่องนี้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า ไม่มี เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ไม่มีการพูดแบบนี้ไม่ได้ยินแบบนี้
จากนั้นผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า เหตุใด พรรคเพื่อไทยถึงอยากได้กระทรวงมหาดไทย รวมถึงคำถามที่ว่า อำนาจตัดสินใจปรับ ครม.อยู่ที่นายกฯ ใช่หรือไม่ แต่นายกฯ ไม่ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนและเดินออกจากโพเดียมไปขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แทบทุกครั้งที่น.ส.แพทองธาร มายืนแถลงข่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี นายอนุทิน จะมายืนอยู่ด้านหลังด้วยเสมอ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าการแถลงข่าวของน.ส.แพทองธาร ในวันนี้ที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการดึงกระทรวงมหาดไทยกลับมาอยู่ที่เพื่อไทย แม้นายอนุทิน จะเข้ามาประชุมคณะรัฐมนตรีตามปกติ แต่ประกฎว่าไม่ได้มายืนข้างหลังน.ส.แพทองธาร เหมือนทุกครั้ง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีบริษัทอัลไพน์ฟ้องกลับกระทรวงมหาดไทย เพิกถอนคำสั่งยึดโฉนดที่ดินสนามกอล์ฟว่า เป็นสิทธิของเขา ซึ่งเขาควรจะฟ้องถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม ต้องฟ้อง เมื่อถามว่า แล้วกระทรวงมหาดไทยจะสู้คดีอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า นี่เป็นการสู้คดีแต่ละฝ่ายก็ต้องชี้แจงเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นอัลไพน์หรือการยึดที่ดินที่ไหนก็ตาม คนที่รู้สึกว่าตัวเองเสียสิทธิ์ ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็มีสิทธิ์ฟ้องร้อง
เมื่อถามว่า มีการมองกันว่าเพราะคดีนี้ทำให้พรรคเพื่อไทย (พท.) อยากได้กระทรวงมหาดไทย นายอนุทินกล่าวว่า อุ้ย อย่างนั้นไม่ได้นะ ยิ่งถ้ามีปัญหาแล้วไปทำอย่างนี้ ตนคิดว่าระบบราชการไม่ได้เปิดกว้างขนาดนั้น ตนเองยังช่วยคนที่รู้จัก หรือคนอะไรมาไม่ได้สักเรื่องเลย กระทรวงมหาดไทยไม่เคยช่วยอะไรเลย เมื่อถามว่า เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ได้คุยเรื่องนี้กับนายกฯ อะไรหรือไม่เพราะเป็นบริษัทที่ครอบครัวนายกฯ เป็นผู้ถือหุ้นอยู่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ได้คุย แค่แจ้งให้ทราบว่ามีการฟ้องกลับ ซึ่งก็ได้บอกนายกฯ ไปว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว มันเป็นไปตามสิทธิ พอมีการฟ้องกลับ และมีการสืบพยาน เมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทุกอย่างจะได้อธิบายได้ ว่าใครผิดใครถูก
เมื่อถามว่า แต่ไม่มีการใช้ประเด็นนี้ในการต่อรองตำแหน่งใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มี ๆ รับรองไม่มีเลย เรื่องพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดำรงตำแหน่งใด ๆ ในรัฐบาล
เมื่อถามว่า เราจะไม่อ่อนข้อให้ใช่หรือไม่ถ้ามีการต่อรองกันในเรื่องนี้ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ ไม่ใช่หน้าที่ตนเลย ตนเอาใจช่วยด้วยซ้ำ
นายอนุทิน ยังกล่าวถึง กรณีการได้รับหมายเรียกจากกกต.คดีฮั้วเลือกสว. จะไปชี้แจงวันใดนั้นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องกฎหมาย เพราะฉะนั้นใครถูกกล่าวหา หรือชี้อะไรมา โดยเฉพาะการชี้ที่เป็นข้อกล่าวหา ต้องให้ทนายความ และนักกฎหมายเป็นผู้ดำเนินการ เพราะไปเองก็ไม่มีความรู้เพียงพอ โดยตนได้แต่งตั้งทนายความ ไปดำเนินการ ซึ่งในหมายเรียกระบบให้ไปชี้แจงในวันนี้ ซึ่งเป็นหมายก๊อปปี้ ทุกคนเหมือนกันหมด ก่อนจะหันไปถาม นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะคณะกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย ที่ได้รับหมายเช่นกัน ก็เป็นข้อความเดียวกันหมด ซึ่งทุกคนได้แต่งตั้ง ให้ทนายความดำเนินการ
ส่วนเบื้องต้นได้ปรึกษาทนายแล้วหรือไม่ที่จะชี้แจงข้อกล่าวหาดังกล่าว นายอนุทิน ยืนยันว่าเราไม่ได้ทำผิดอะไร และตนก็ยัง งง ไม่รู้ งง ว่าทำไมถูกกล่าวหาล้มล้างการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตย ทั้งที่มาในระบอบประชาธิปไตย และเชื่อมั่นในระบอบนี้ ซึ่งข้อกล่าวหาทั้งตน นางสาวไตรศุลี และนายเนวิน ชิดชอบ ถูกข้อหาล้มล้างระบอบประชาธิปไตย นายเนวิน ก็เคยเป็นสส. ตลอดกาลของบุรีรัมย์ เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย เวลามีรัฐประหาร ท่านก็เคยโดนกระทำ ทำให้ ไม่เชื่อถือในระบอบอื่น นอกจากระบอบประชาธิปไตย พวกตนก็เช่นกัน ตรงนี้ เราก็ต้องไปฟัง แต่ ไม่อยากบอกว่าเป็น ข้อกล่าว ที่เลื่อนลอย แต่จะมาเหมาเข่งแบบนี้ก็ไม่ได้
ที่ส่วนภูมิใจไทยแถลงว่าจะฟ้องกลับข้อหาในข้อหา แจ้งเท็จ นายอนุทิน ระบุว่า ส่วนนี้ ไม่ใช่กกต. แต่เป็นคณะอนุกรรมการชุดที่ 26 หากจะทำให้มีประสิทธิภาพจริงต้องมีสาเหตุ และมูลเหตุ วันเวลา แต่ถ้ามาแบบนี้ แล้วเดี๋ยวค่อยไปคิดว่าจะแจ้งว่าใครผิดอะไรอย่างไร ก็ต้องต่อสู้ อย่างวันนี้ถ้าตน จะไปชี้แจง ก็ไม่รู้จะชี้แจงอะไร เพราะไม่รู้ว่าทำอะไรผิด รู้แค่ว่าเป็นผู้ที่ทำลายระบอบประชาธิปไตย อย่างที่บอกระบอบประชาธิปไตยของตน ไม่มีอย่างเดียว คือ ที่บ้าน มีเผด็จการอยู่ที่เดียว
ส่วนมองว่าเล่นกันอย่างนี้แรงเกินไปหรือไม่ นายอนุทิน ถึงกับอุทานว่าโอ้โห นี่ยังไม่แรงอีกหรือ ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ เมื่อวานตน ได้เรียนนายกรัฐมนตรีไปว่า ไม่เคยเจอแบบนี้ หากบอกว่า สมัยที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยโดน รัฐประหารก็ไม่โดนขนาดนี้ นี่ในระบอบประชาธิปไตย ระบอบรัฐสภาแท้ๆ ทำไมต้องเล่นกันขนาดนี้ ซึ่งตนก็ได้เรียนท่านไปว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ในคณะรัฐบาลชุดนี้จริงๆ ก็มาขอความเป็นธรรม ให้ท่านนายกได้ช่วยคุ้มครอง ถ้าทำได้ ก่อนที่นายอนุทิน จะรีบชิงกล่าวว่าพอแล้วนะ เมื่อถามถึงกรณีที่มีคลิปเสียงหลุด ในการเลือกสว. ว่าท่านสั่งมา ไม่อย่างนั้นกกต.ประกาศโมฆะแล้ว นายอนุทิน ถึงกับย้อนถามกลับว่าคลิปเสียงใครล่ะ เอานายกรัฐมนตรีไปพูดภาษาจีนป๋อ ยังทำได้เลย ตนว่าอย่างนี้มันไม่ได้มั้ง แล้วก็ข้ามไปเอา
เมื่อถามว่าการทำเช่นนี้ กังวลว่าจะนำไปสู่การยุบพรรคหรือไม่ นายอนุทิน ยืนยันว่าตนไม่ได้ทำอะไร แล้วจะยุบได้อย่างไร มันต้องมีหลักฐานก่อนสิ เมื่อถามว่าเล่นการเมืองกันแรงแบบนี้ ประเมินหรือไม่ว่าอายุรัฐบาลจะสั้นลง นายอนุทิน เผยว่าไม่ได้ประเมินตรงนี้ ทุกอย่างแจ้งนายกไปหมดแล้ว ว่าเรื่องพวกนี้มันไม่เคยเกิดขึ้น
ที่รัฐสภา น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการเดินหน้าฟ้องร้องคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ว่า เบื้องต้นได้ตรวจเช็ครายชื่อทั้งหมดทุกคนที่มีหมายเรียกแล้ว ตั้งแต่หัวหน้าพรรคไปจนถึงกรรมการบริหารพรรคทุกคนและสส.บางส่วน ตามรายชื่อที่ออกไป อันดับแรกได้ทำหนังสือขอเลื่อนการชี้แจงออกไปเป็นวันที่ 30 มิ.ย.2568 แต่อยู่ที่กกต.ว่าจะให้ไปชี้แจงวันไหน เนื่องจากในหมายเรียก และข้อกล่าวหาไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดและไม่ได้แนบหลักฐานอะไรมา ดังนั้นสิ่งที่จะรอคือหลังที่มีการยื่นหนังสือขอเลื่อนไปแล้ว กกต.จะอนุญาตให้ไปวันไหน ดังนั้นเรื่องการฟ้องจึงต้องเป็นกระบวนการหลังจากนั้น
น.ส.แนน บุณย์ธิดา กล่าวต่อว่า เมื่อตรวจสอบหมายเรียกและนำของหลายคนมาเทียบ เห็นได้ชัดว่าหนังสือทุกตัวอักษรเหมือนกัน เปลี่ยนแค่หัวชื่อ และไม่ได้ระบุข้อกล่าวหา ซึ่งโดยปกติ กกต.ต้องระบุ เวลา สถานที่ ใครทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร กับใคร แต่ครั้งนี้ลักษณะเนื้อหาเหมือนกันหมดทุกคน บางฉบับที่หลายคนได้รับ หัวเป็นชื่อหนึ่ง หางเป็นอีกชื่อหนึ่ง ซึ่งเหมือนกับสลับเอกสารมา แต่ทุกคนจะได้รับ 2 ฉบับจากกกต. กลางและ กกต.จังหวัด
เมื่อถามว่าการที่ กกต.เรียกระดับหัวหน้า และแกนนำพรรค รวมทั้ง นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด พรรคภูมิใจไทยอาจถูกมองว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับการฮั้วสว.จริงๆ โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า หากติดตามข่าว จะพบว่า มีความพยายามลากพรรคภูมิใจไทย เข้าไปเกี่ยวข้องในเกมตรงนี้ตลอดอยู่แล้ว ทางพรรคบอกแล้วว่าเรามั่นใจ ในหัวหน้าและกรรมการบริหารและสส.ที่โดนกล่าวหาว่า พวกเราสามารถแก้ต่าง ได้ทุกกรณี และเมื่อวันที่ 16มิ.ย.ที่ผ่านมา หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยพูดชัดเจนแล้วว่าดูเป็นเกมการเมืองที่ค่อนข้างชัด เพราะโดยปกติเท่าที่เห็นข้อกล่าวหาจะระบุว่าคนไหนทำอะไรผิด หรือการนำไปสู่การยุบพรรคในสมัยก่อนก็จะเป็นเหตุมาจาก1-2 บุคคลแต่กรณีนี้พูดถึงทั้งคณะ และเมื่อดูเนื้อหา สาระ เห็นได้ชัดว่า มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ว่าไม่ใช่เกมการเมือง
เมื่อถามว่าประชาชนอาจมองภาพลบกับภูมิใจไทยไปแล้ว โฆษกพรรคภูมิใจไทยกล่าวว่า ที่ผ่านมามีการใช้ชื่อย่อ ใช้ชื่อเรียกขาน และสีซึ่งเหมือนกับชื่อเล่นที่แต่ละพรรคมี โดยไม่ได้ระบุชื่อพรรค แต่ครั้งนี้เอ่ยชื่อพรรคภูมิใจไทยเลย และคนที่ออกมาเคลื่อนไหวทั้งนายณฐพร โตประยูร นักเคลื่อนไหว และนางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตผู้สมัคร สว.นั้น พรรคภูมิใจไทยก็ได้ดำเนินการฟ้องร้องไปแล้ว ส่วนกรณีล่าสุดนี้ก็จะรอดูวันที่เข้าไปรับทราบ เพราะอย่างไร กกต. ก็ต้องเอาหลักฐานทุกอย่างมาให้ดูอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าดูเหมือนพุ่งเป้าที่จะล้มพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ น.ส.แนน บุณย์ธิดา กล่าวว่า คงตอบเหมือนหัวหน้าพรรคฯ ว่าเป็นเกมการเมืองเต็มๆ เพราะพุ่งเป้าที่กรรมการบริหารพรรคทุกคนว่ามีใครบ้าง มีเจตนาล้มภูมิใจไทย แต่เราพร้อมสู้ เพราะมั่นใจในข้อเท็จจริง เชื่อว่าไม่สามารถล้มได้ ไม่มีทาง
ด้าน นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง และกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคดีฮั้ว สว. ที่ปรากฎข้อมูลคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง ชุดที่ 26 มีมติออกหมาย เพื่อเรียกตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับขบวนการ ในล็อต 7 ประมาณ 20 คน โดยมีรายชื่อของกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย ยืนยันหรือไม่ว่า ไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้อง ว่า เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีการประชุมพรรคภูมิใจไทย ซึ่งได้ทราบว่ากรรมการบริหารพรรคทุกคน ตั้งแต่หัวหน้า รองหัวหน้า และทุกตำแหน่งในกรรมการบริหารพรรคเราถูกแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด ขอยืนยันว่า ทางพรรคภูมิใจไทย เราไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการการเลือกตั้งของ สว.เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หัวหน้า และเลขา ได้มีการกำชับกับ สส.ทุกคนว่า ห้ามกระทำการใดๆ ที่ฝ่าฝืนข้อกฎหมาย
โดยเบื้องต้นยืนยันชัดเจนว่า ตั้งแต่หัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค และ สส.ของพรรค ได้รับการย้ำเตือนจากหัวหน้าพรรคในช่วงที่มีการเลือก สว. ประเด็นที่สอง เรามีการคุยกันว่า เป็นเรื่องปกติหรือไม่ เวลาแจ้งข้อกล่าวหากับใคร จะทำให้ ใครที่ถูกข้อกล่าวหานั้น เสื่อมเสียชื่อเสียงได้ เพราะการแจ้งข้อกล่าวหาแบบเดียวกันหมด แทบจะทุกตัวอักษร เปลี่ยนแค่ชื่ออย่างเดียว แม้ตนไม่ใช่นักกฎหมาย ไม่ได้อยู่ในกระบวนการยุติธรรม แต่เมื่ออ่านข้อกล่าวหาที่ถูกแจ้งมานั้น ไม่ได้มีรายละเอียดเลยว่า นายกรวีร์ ไปทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร และได้มีการคุยกันอีกว่า จะต้องไปชี้แจงข้อกล่าวหาอย่างไร เนื่องจากแทบไม่มีรายละเอียดอะไรมาให้เลย มีแต่ข้อกล่าวหาลอยๆ ในการแจ้งข้อกล่าวหาทุกคน
เมื่อทำย้ำว่าไม่ได้เกี่ยวข้องเลยใช่หรือไม่ หรืออาจมีเส้นทางใดที่เชื่อมโยงถึงหรือไม่ นายกรวีร์ กล่าวมั่นใจว่า ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว และไม่เคยทำเรื่องไหนที่ไปขัดต่อข้อกฎหมาย ซึ่งหากเขากล่าวหาถึงพรรค หรือกรรมการบริหารพรรคได้ ว่ามีส่วนรู้เห็น บงการ ล้มล้างการปกครอง ก็ถือเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงมาก ซึ่งตนเชื่อว่า เขาน่าจะมีหลักฐานอะไรที่ควรเชื่อได้ว่า แต่วันนี้เรายังไม่เห็น และเรามั่นใจว่า เราไม่เคยไปทำอะไร
เมื่อถามถึงช่วงเวลาที่อาจเกี่ยวข้องกับการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายกรวีร์ กล่าวว่า จริงๆ พยายามมองในแง่ดี ว่าคงไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการปรับ ครม. แต่อาจจะวนมาเจอกันในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้อยากจะฝากไปถึงทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า มันมองเป็นอย่างอื่นแทบจะไม่ได้เลย ภายหลังจากที่ดูข้อกล่าวหาแล้ว ก็น่าจะเป็นเรื่องประเด็นทางการเมือง ที่อยากจะมาโจมตีพรรคภูมิใจไทย ให้พรรคภูมิใจไทยเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยเฉพาะสมาชิกพรรค หัวหน้า และ สส. ของพรรค รวมถึงกรรมการบริหาร เกิดความเสียหาย ซึ่งเรื่องนี้คงต้องมีการคุยกันว่า จะมีช่องไหนบ้าง หาก กกต. แจ้งข้อกล่าวหาเช่นนี้ และไม่มีหลักฐานพยานที่ชัดเจน ทำให้พรรคเสียหาย จึงคิดว่ากรรมการบริหารพรรค และพวกเราเองคงจะต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
เมื่อถามว่าไม่กังวลใช่หรือไม่ นายกรวีร์ ทิ้งท้ายว่า "ไม่กังวลเลยครับ สบาย ห่วงเรื่องน้ำท่วมมากกว่าอีก"