วันที่ 17 มิ.ย.68 ที่ห้องประชุมสัมมนาอาคารเรือนไทย ตลาดน้ำบึงหัวทะเล เทศบาลตำบล (ทต.) หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ร.ต.ท.วิโรจน์ มณเฑียรทอง ประธานสภา ทต.หัวทะเล เปิดการประชุมสมัยสามัญ สมัยที่ 2 ครั้งที่ 1 ประจำปี พ.ศ.2568 โดยมีนายเอกภพ โตมรศักดิ์ นายก ทต.หัวทะเล พร้อมสมาชิกสภา (สท.) จำนวน 12 คน นายวัชรพล โตมรศักดิ์ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ในฐานะเป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้นำชุมชนและประชาชนเข้าร่วมโดยพร้อมเพียงกัน บรรยากาศค่อนข้างชื่นมื่น ทุกคนได้ร่วมร้องเพลง “บ้านเกิดเมืองนอน” ก่อนเริ่มประชุมเป็นทางการ

ในระเบียบวาระที่ 5 นายเอกภพ นายก ทต.หัวทะเล กล่าวว่า ได้รวบรวมข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะและเสียงสะท้อนของพี่น้องประชาชนมากำหนดเป็นนโยบายการบริหารเน้นการมีส่วนรวม ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ โดยกำหนดทิศทางการพัฒนาตำบลหัวทะเลให้เป็นเมืองน่าอยู่ เมืองแห่งการเรียนรู้ เมืองแห่งศิลปะวัฒนธรรม เมืองเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เมืองแห่งรอยยิ้มและความสุขและเปี่ยมด้วยคุณธรรม ความรัก ความสามัคคี โดยยึดหลักธรรมาภิบาล ปัจจุบันต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องในทุกมิติ จึงกำหนดนโยบาย 7 ด้าน ดังนี้ 1.พัฒนาคนและสังคม การศึกษา ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สร้างความเข้มแข็งและการมีส่วนร่วม 2.สาธารณสุข ส่งเสริมสนับสนุนจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมฟื้นฟูสุขภาพและดูแลผู้สูงอายุ ศูนย์การแพทย์ คลินิกแพทย์ทางเลือกและยกระดับบริการแพทย์ฉุกเฉิน ฯลฯ รวมทั้งการบริหารจัดการขยะมูลฝอยและส่งเสริมพัฒนาตลาดสดร้านอาหารและแผงลอยให้สะอาดปลอดภัย 3.ด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว สนับสนุนผลักดันและต่อยอดพัฒนาตลาดน้ำและถนนคนเดินบึงหัวทะเลให้เป็นศูนย์ผลิตภัณฑ์ชุมชน แลนด์มารค์ใจกลางเมือง 4.โครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาระบบให้ครอบคลุมรองรับและเชื่อมโยงการขยายตัวของเมืองในทุกมิติและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม 5.ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยแนวทางของเมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืน 6.ด้านสวัสดิการและการพัฒนารายได้ มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างทั่วถึงและยั่งยืน ยึดหลัก "ลดรายจ่าย สร้างรายได้ และเพิ่มสวัสดิการ" และ 7.การบริหารยกระดับการบริการนำเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงบริการด้านต่างๆลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน เพื่อให้ประชาชนมีความพึงพอใจในการรับบริการที่สะดวกรวดเร็วการตอบความต้องการ

ทั้งนี้จะเร่งขับเคลื่อนนโยบายให้เป็นรูปธรรม สามารถนำไปสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจัดทำแผนปฏิทินให้ดำเนินงานชัดเจนและมีผู้รับผิดชอบรวมถึงกำหนดระยะเวลาการทำงาน เพื่อลดข้อผิดพลาดและให้ความสำคัญกับสิทธิของประชาชน