“ไชยชนก” ยืนยัน เซ็นรับหมายเรียก คดีฮั้วเลือก สว.แล้ว ชี้ คำกล่าวหาลอย ๆ ไม่เจาะจง โต้ รับผลประโยชน์ 400 ล. แค่บัญชีทรัพย์สินก็มีไม่ถึง โอด ไม่อยากให้สัมภาษณ์ เหตุสื่อบิดเบือน

วันที่ 16 มิ.ย.68 นายไชยชนก ชิดชอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดบุรีรัมย์ ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยภูมิใจ เดินทางเข้าร่วมประชุมประจำเดือน แต่ผู้สื่อข่าวได้พยายามเดินสอบถามถึงประเด็นที่สำนักงานคณะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกหมายเรียกให้รับทราบข้อกล่าวหากรณีการฮั้วเลือก สว.โดยนายไชยชนก เดินผ่านวงข่าวผู้สื่อข่าว และกล่าวว่า “ในที่นี้ไม่มีใครสนใจเรื่องน้ำท่วม เรื่องชายแดน โรคระบาดเลยหรือ ขณะนี้ประชาชนเดือดร้อนอยู่นะจ๊ะ”

หลังถูกนักข่าวกดดันอยู่นาน นายไชยชนก พยายามขอทำความตกลงกับผู้สื่อข่าว ก่อนให้สัมภาษณ์ เนื่องจากก่อนหน้านี้ถูกหลายสำนักข่าวบิดเบือนคำพูด

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ถามถึงเรื่องการเข้ารับทราบข้อกล่าวหา โดยนายไชยชนก ระบุว่า ตนได้รับหมายเรียกจาก กกต.แล้ว ซึ่งตนเป็นผู้ลงชื่อรับให้นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และผู้ใหญ่ภายในพรรค อีกด้วย ส่วนการชี้แจงนั้นจะไปด้วยตัวเอง และขอให้ปล่อยเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย

ส่วนข้อกล่าวหาที่ทาง กกต.แจ้งนั้น นายไชยชนก ระบุว่า เท่าที่อ่านทั้งของตนเองและคนอื่น ที่ถูกกล่าวหา เหมือนกับถูกการคัดลอก-วาง ดูไม่ค่อยเจาะจง และเป็นไม่ไปตามคำกล่าวหาปกติของคดีสักเท่าไหร่ กล่าวถึงการพาดพิงหญิงรายหนึ่ง ที่ระบุว่าตนได้รับผลประโยชน์จากการฮั้วเลือก สว. 400 ล้านบาท แต่การยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ก็มีไม่ถึงแล้ว ความไม่จริงเยอะ แต่อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไร

นายไชยชนก กล่าวว่า ไม่มีอะไรต้องคุยกับนายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งเป็นพ่อ เพราะตนไม่มีส่วนร่วมแน่ ๆ ที่จะส่งผลให้การเลือก สว.ออกเป็นแบบไหน ซึ่งตนก็สงสัยว่าอยู่ในสังคมแบบไหน เพราะทุกวันนี้หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ก็ได้กำชับไว้อยู่แล้วว่าอย่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการเรื่องดังกล่าว

จากนั้น นายไชยชนก กล่าวขอบคุณสื่อมวลชน ที่ได้เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และเกี่ยวข้องกับภัยพิบัติ สถานการณ์โลกให้กับประชาชนได้รับทราบ หลังจากที่ตนได้ร่วมอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร 

นายไชยชนก ทิ้งท้ายให้กับสื่อมวลชนว่า ไม่รู้ว่าพวกพี่รู้ตัวหรือไม่ แต่ตนเห็นว่าสื่อมวลชนมีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางของประเทศไม่น้อยกว่ารัฐบาล สิ่งที่สื่อสารออกไปเป็นสื่อที่ไม่ใช่แค่เยาวชน แต่คนทุกเพศทุกวัยจะใช้ข้อมูลได้รอบได้ หากสื่อมวลชนสื่อออกไปที่ยุแยงสร้างความแตกแยกสังคมเราก็จะไปในทิศทางนั้น ฉะนั้นตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องเผชิญร่วมกันต้องใช้ความสามัคคี