ผู้การนครศรีธรรมราช แจงเหตุ ตร.ทุ่งสง เมาแล้วขับรถชนดะ 3 ครั้งสาหัส 1 คน ระบุไม่ปกป้องตำรวจทำผิด พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบทั้งอาญา และวินัย
จากกรณีเมื่อวันที่ 15มิ.ย.68 ขณะ ร.ต.อ.อมรรัตน์ จิตรสมุทร รอง สว.จราจร สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีรธรรมราช ปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรจราจรได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกัน 3 คันซ้อน ที่ถนนเสริมชาติ ซอย 5 เขตเทศบาลเมืองทุ่งสง จึงเข้าตรวจสอบพบรถ จยย.ห้อฮอนด้าสีน้ำเงิน ทะเบียน ขคข-xxx นครศรีธรรมราช ล้มอยู่ มีนางพรทิพย์ อายุ 62 ปี บาดเจ็บสาหัสถูกนำส่ง รพ.ทุ่งสง อีกคันรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้าสีเทา ทะเบียน 2ขต-xxxx กทม.ผู้ขับขี่คือ น.ส.ปิยะกมล และรถคู่กรณีเป็นรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้าสีบรอนเงิน ทะเบียน 4กง-xxxx กทม.ผู้ขับขี่คือ ดต.วิจารณ์ พบว่า ดต.วิจารณ์ฯ ได้รับบาดเจ็บจึงนำส่ง รพ.ทุ่งสง ซึ่งจะตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดและอยู่ระหว่างรอผลตรวจ
จากกรณีดังกล่าว พล.ต.ต.จารุต ศรุตยาพร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า กรณีมีคลิปลงในโซเชียลมีเดีย เจ้าหน้าที่ตำรวจเมาแล้วขับรถไปชนรถชาวบ้านแล้วหลบหนี จากการตรวจสอบเบื้องต้นเป็นตำรวจ สภ.ทุ่งสง และได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในกรณีนี้ เราพบว่าเป็นตำรวจจริงเป็นตำรวจในสังกัดจังหวัดนครศรีธรรมราช กรณีนี้ก็จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 คือในกรณีของการทำผิดกฎหมายขับรถชน มีผู้ได้รับบาดเจ็บมีทรัพย์สินเสียหาย ตรงนี้ในเรื่องของคดี เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนไปที่เกิดเหตุ ผู้เสียหายในกรณีนี้มีทั้งหมด 3 ราย
ส่วนผู้ต้องหา ดต.วิจารณ์ นั้นก่อนเกิดเหตุไปร่วมงานศพที่วัดแห่งหนึ่ง แล้วขับรถออกจากวัดได้ชนรถคันอื่นที่ลานจอดรถแล้วหนีไป ซึ่งเคสนี้ไม่ได้แจ้งความ จากนั้นไปชนรถรายที่ 2 เป็นรถ จยย.แต่ยังไม่หยุดจนไปชนรายที่ 3 ซึ่งเป็นรถยนต์เก๋ง แล้วจอดอยู่ตรงนั้นแล้วพยามหลบหนีแต่ถูกชาวบ้านช่วยกันจับตัวไว้ได้ เบื้องต้นทราบว่าเป็นตำรวจจริง แต่เนื่องจากว่าเค้าก็มีบาดแผลต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์เราก็ส่งไปรักษาตัว แต่ตรงนี้ทางตำรวจได้แจ้งให้ทางคุณหมอตรวจเลือดของตำรวจรายนี้เพื่อตรวจหาสารเสพติดแล้วก็ปริมาณแอลกอฮอล์ว่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่
“วันนี้อยากจะยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่าในกรณีที่ตำรวจกระทำความผิด สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีนโยบายว่าจะดำเนินการตามกฎหมาย ไม่มีการช่วยเหลือกัน คดีอาญาก็ดำเนินการไปตามกฎหมาย เมื่อผลทางการตรวจโลหิตผลทางการแพร่ออกมาว่าผิดก็จะว่าไปตามผิดทั้งคดีอาญาแล้วก็ทางวินัย นอกจากนี้ได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากข้อผิดจริงก็จะมีการลงโทษทางวินัยในขั้นสูงสุดตามตามระเบียบตามเกณฑ์ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด ในกรณีนี้ท่านผบ.ตร.มีนโยบายที่จะแก้ไขในสิ่งที่ผิดแล้วก็พยามให้ขวัญกำลังใจกับตำรวจที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ทำความดี มีการให้รางวัลตำรวจที่ทำความดีเป็นประจำทุกเดือนเพื่อสร้างภาพลักษณ์ตำรวจให้ดีขึ้นในสายตาพี่น้องประชาชน”
กรณีนี้ที่ตำรวจทำความผิดเราก็ต้องยอมรับว่าตำรวจทำผิด ก็ต้องแก้ไข แล้วคนทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ ซึ่งตำรวจทำผิดเองโทษตรงนี้มากกว่าพี่น้องประชาชนทั่วไป มากกว่าชาวบ้าน นอกจากจะมีคดีอาญาแล้วก็มีคดีวินัยไปด้วย โดยตำรวจที่ก่อเหตุนั้นเป็นการไปงานส่วนตัวไม่ได้เมาขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งต้องว่าไปตามความผิด พล.ต.ต.จารุต ศรุตยาพร กล่าว