"เหยื่อสูญเงินเกือบล้าน" ตร.กระทุ่มแบนรวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า ก่อคดีมาแล้วโชกโชนหลายพื้นที่
วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ.2568 พ.ต.อ.สร ซื่อตรงพานิช ผกก.สภ.กระทุ่มแบนจังหวัดสมุทรสาคร ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สืบเนื่องมาจากมีผู้เสียหายมาแจ้งความว่า ถูกมิจฉาชีพแก๊งคอลเซนเตอร์ได้โทรศัพท์มาหาผู้เสียหาย แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้า จะมีค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้าโอนคืนให้จำนวน 13,500 บาท และถ้าหากประสงค์จะขอรับคืนขอให้ดำเนินการเข้าสู่แอพพลิเคชั่นไลน์ของลิงค์ที่ทางคนร้ายส่งให้
หลังจากที่ผู้เสียหายได้เพิ่มเพื่อนไปแล้ว จึงติดต่อพูดคุยกันกับทางคนร้ายโดยคนร้ายอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าขอให้โอนเงินไปให้ก่อน จากนั้นจะโอนเงินของผู้เสียหายที่โอนไปกลับคืนมาให้ทีหลังพร้อมกันกับคืนค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้า ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของกลุ่มคนร้ายเป็นจำนวนเงินถึง 850,000 บาท หลังจากโอนเงินไปให้แล้ว คนร้ายก็หายเข้ากลีบเมฆ ก็ไม่ได้รับแจ้งการดำเนินการใดจากคนร้ายอีก และไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายจีงทราบว่าตนถูกหลอกลวงแล้วแน่ๆ จึงได้มาแจ้งความไว้ต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.กระทุ่มแบน
ทางด้านพ.ต.อ.สร ซื่อตรงพานิช จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ ชูบุญเรือง รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.อริญชย์ อิ่มเอิบสว.สส. แกะรอยคนร้ายแก๊งนี้พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขอศาลออกหมายจับคนร้าย
ซึ่งจากการสืบสวน พบว่ามี หนึ่ง ในผู้ต้องหาของขบวนการดังกล่าวซึ่งทำหน้าที่เปิดบัญชีเพื่อนำไปใช้กระทำความผิด ยังหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ ของจังหวัดสมุทรสาคร ชุดสืบสวนจึงได้นำกำลังเข้าจับกุม นายจิรศักดิ์ อายุ 23 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรสาคร โดยแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง” โดยจับกุมตัวคนร้ายได้ที่บริเวณสะพานท่าจีน จ.สมุทรสาคร โดย ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นบัญชีของตนเองจริง จึงนำตัวคนร้ายรายนี้ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีและจะมีการขยายผลหาตัวคนร้ายที่ร่วมขบวนการที่เหลือต่อไป
นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติพบว่าคนร้ายเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.665/2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากของตนโดยมิได้เจตนาใช้เพื่อตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด" อีกด้วย