ดร.กัลยาณี นายกฯท่องเที่ยวศรีสะเกษ ชวนไป Armyland เยี่ยมค่ายทหารกองทัพภาคที่ 4 และภาคที่ 1 ชื่นชมเขตทหารไม่ห้ามเข้า มีดีเยอะ ไม่ไปไม่รู้
ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ นายกสมาคมส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยวศรีสะเกษเปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 9-12 มิ.ย.68 พลโทพลศักดิ์ ศรีเพ็ญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวและกีฬากองทัพบกได้มอบหมายให้ พลตรี เธียรทรรศน์ ศุภประเสริฐ รองผู้อำนวยการสํานักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวและกีฬา กองทัพบก นำทัวร์ Armyland โดยมี ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ นายกสมาคมส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยวศรีสะเกษ นาย ภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์ นายก สทน.สองสมัย พร้อมเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคเอกชน นักศึกษามัคคุเทศก์น้อย และสื่อมวลชน influencer ร่วมโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในหน่วยทหาร “สื่อมวลชนสัญจร ” ครั้งที่ 2/68 ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 (เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์) และกองทัพภาคที่ 4 (สุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช) โดยไปแหล่งสำคัญคือกองร้อยฝึกรบพิเศษที่4 (ค่ายสิชล) ได้ทำกิจกรรมในค่ายทหาร สักการะศาลทวดตาโป / ทดสอบกำลังใจด้วยการกระโดดหอสูง 34 ฟุต / พายเรือท้องแบน / โหนสลิงข้ามน้ำ หรือซิปไลน์ / และเล่นบานาน่าโบ๊ต ที่หาดหินงาม โดยมี พลตรี พสิษฐ์ ชาญเลขา ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 45 ให้การต้อนรับ คณะเป็นอย่างดีและนำผู้เข้าร่วมโครงการ Armyland ไปวางพวงมาลายังพระอนุสาวรีย์พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต และพาเยี่ยมชมโครงการ “ทหารพันธุ์ดี” โดยกรมทหารราบที่25
ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 45 กล่าวว่า ตามแนวคิดที่จะพัฒนาค่ายทหารเป็นแหล่งท่องเที่ยว จึงได้เปิดค่ายทหารให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ามาเรียนรู้ความเป็นอยู่ และวิถีชีวิตของทหาร โดยค่ายแห่งนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะ คือพระอนุสาวรีย์พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ที่ยังมีความศักดิ์สิทธิ์ และมีความหมาย ที่ทำให้ทุกคนระลึกถึงความเป็นตัวตนของชาวสุราษฎร์ธานี โดยค่ายแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกมาก ทั้งศูนย์พัฒนากีฬา รวมถึงพื้นที่ที่ใช้ร่วมกับชาวบ้าน และภูมิทัศน์ที่สวยงาม โดยเฉพาะโครงการ “ทหารพันธุ์ดี” ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ มูลนิธิชัยพัฒนา ร่วมกับ ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ และกองทัพบก นำพื้นที่ภายในหน่วยทหารมาพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ทางการเกษตรที่ปลอดภัยตามวิถีธรรมชาติ พื้นที่เหล่านี้ถูกออกแบบให้เป็นสถานที่ฝึกฝนทักษะให้แก่กำลังพล ทั้งการเพาะปลูก การขยายพันธุ์พืช การเลี้ยงสัตว์ และการถ่ายทอดความรู้สู่ชุมชนใกล้เคียง เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร พึ่งพาตนเองได้ และสามารถต่อยอดสร้างรายได้จากผลผลิตส่วนเกินที่ไม่ใช้บริโภคภายในครัวเรือน
นอกจากนี้ ทางค่ายยังส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในค่ายทหารด้วยการจัดกิจกรรม “วิ่งตะลุยค่ายวิภาวดีรังสิต ครั้งที่ 3” ซึ่งผลตอบรับออกมาดีมาก และยังได้รับคำชมจากผู้ร่วมกิจกรรมว่า “ไม่เคยคิดว่าค่ายทหารมีจุดที่น่าท่องเที่ยวมากกว่าที่คิด” ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 45 กล่าวว่า อยากให้สื่อฯ ช่วยกันประชาสัมพันธ์ค่าย Armyland แห่งนี้ ให้เป็นแลนด์มาร์คของจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมทั้งจะผลักดันให้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศต่อไป
พลตรี เธียรทรรศน์ กล่าวว่า การจัดโครงการครั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานท่องเที่ยวและกีฬา กองทัพบก ภาคีเครือข่ายการท่องเที่ยวภาครัฐ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคเอกชน และสื่อมวลชนทุกภาคส่วน ได้มีส่วนร่วมในการ ประชาสัมพันธ์เชิญชวน และส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไป นักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวของกองทัพบก และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อส่งเสริมซอฟท์พาวเวอร์ผลักดันการท่องเที่ยวของกองทัพบก เพื่อนำไปขยายผลสู่ประชาชนและชุมชน ให้มีรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับท้องถิ่นตามนโยบายของรัฐบาล สำหรับกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร มีเป้าหมายต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ทหารหลายแห่งทั่วประเทศ ให้สื่อมวลชนและ influencer นำไปเผยแพร่แก่ประชาชนทั่วไป เพื่อเปลี่ยนแนวความคิดจากเดิมที่เป็นเขตทหารห้ามเข้า เป็นเขตทหารยินดีต้อนรับ ทำให้สามารถกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างทหารและประชาชนด้วย
ด้าน ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ กล่าวว่า จากการได้ร่วมเดินทางกับคณะ ทำให้พวกเราได้เห็นการปฎิบัติหน้าที่ของทหารในกองทัพที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ ทหาร นอกจากมีหน้าที่ พิทักษ์รักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติ รักษาความสงบเรียบร้อย และป้องกันประเทศ ยังช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ต่างๆ เช่นที่พวกเราได้เห็นในช่วงน้ำท่วมเชียงรายก็มีแต่ทหารที่ช่วยเหลือประชาชน และสิ่งที่พวกเราได้เห็นในการมากับทหารครั้งนี้ เขตทหารไม่ห้ามเข้าแล้ว มีกิจกรรมดีๆที่น่าสนใจให้ทุกคนไปศึกษาในค่าย และมีรายการอื่นๆแถมให้ด้วยได้ไปไหว้ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ และไปถวายสังฆทาน ที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมทั้งสักการะองค์จตุคาม-รามเทพ และร่วมกันแห่ผ้าขึ้นห่มพระบรมธาตุ เจดีย์ ซึ่งถือว่าเป็นประเพณีมรดกแห่งความศรัทธาอันล้ำค่าของชาวนครศรีธรรมราช
และที่สำคัญและประทับใจ ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทยคือได้มีโอกาสไปที่อุทยานราชภักดิ์ สถานที่ที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระมหากษัตริย์ 7 พระองค์ ได้แก่ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช, สมเด็จพระนเรศวรมหาราช, สมเด็จพระนารายณ์มหาราช, สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช, พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช ได้ทราบประวัติความสำคัญของแต่ละพระองค์ด้วยตั้งอยู่ภายในพื้นที่กองทัพบก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยใช้พื้นที่ ก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 222 ไร่เศษ เพื่อเป็นการเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณสมเด็จพระมหากษัตริย์แห่งสยาม ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่เป็นแหล่ง เรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ สำหรับกำลังพลและครอบครัวของกองทัพบก และประชาชนทั่วไป