ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2568  พ.ต.ท.ศิวัช กัญญาพันธ์  สว.สภ.โพนเขวา ได้รับแจ้งมีเหตุคนถูกไฟซ็อตเสียชีวิต ที่บริเวณทุ่งนาทางทิศตะวันตก ของบ้านสำโรง หมู่ที่ 4 ต.หนองแก้ว อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ จึงสั่งการให้ ร.ต.อ.เอกชัย วรสา พงส.สภ.โพนเขวา พร้อมด้วย ร.ต.ต.เศรษฐศักดิ์ ประสาร รอง.สวป.สภ.โพนเขวา และแพทย์เวร รพ.ศรีสะเกษ นำกำลังไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบร่าง นายบุญมี  อายุ 77 ปี อยู่บ้านสำโรง หมู่ที่ 4 ต.หนองแก้ว อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณท้ายกระบะพ่วงรถไถนาเดินตามหรือรถอีแต๊ก

จากการตรวจสอบพื้นที่พบสายไฟฟ้าไปพาดเกี่ยวกับโครงเหล็กที่ต่อเติมจากกระบะพ่วงรถไถนาเดินตาม ที่ขนปุ๋ยมูลวัวมาใส่นา ซึ่งชนวนหุ้มสายไฟเปื่อย ทำให้กระแสไฟไหลลงมาที่รถไถนา คาดว่าขณะที่ผู้ตายกำลังนำจอบคราดที่ทำจากเหล็ก เขี่ยปุ๋ยมูลวัวลงใส่ที่นา ได้พลาดไปกระทบกับโครงเหล็กของรถ จนเป็นเหตุให้ถูกไฟช็อต กระทั่งหมดสติล้มลงกับพื้นและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือถูกทำร้ายแต่อย่างใด ขณะที่แพทย์ระบุเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง 

น.ส.ปราณปรียา อายุ 45 ปี ข้าราชการครู โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ศรีสะเกษ ลูกสาวผู้ตาย เล่าว่า หลังจากตนเลิกงานกลับมาบ้านเวลาประมาณ 16.00 น. ไม่เห็นพ่ออยู่ที่บ้าน จึงได้สอบถามแม่ ทราบว่าพ่อนำปุ๋ยมูลวัวไปใส่นา เพื่อเตรียมเพาะปลูกข้าว อยู่ที่ทุ่งนาติดกับบ้าน ปกติพ่อจะกลับเข้าบ้านค่ำมืดบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เอะใจอะไร

จนเวลาประมาณ 19.30 น.ตนได้เดินถือไฟฉายออกไปตามดูพ่อ ห่างจากตัวบ้านประมาณ 50 เมตร เห็นรถไถจอดอยู่ พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ปรากฏว่าเห็นพ่อนอนคว่ำหน้าอยู่ รู้สึกตกใจมาก จึงรีบวิ่งเข้าไปกอด พร้อมกับร้องไห้คนช่วย และพยายามปลุกพ่อ แต่ตอนนั้นเนื้อตัวพ่อเริ่มแข็งตัว จังหวะนั้นตนได้เผลอไปชนกับเหล็กรถไถ และถูกไฟช็อตจนสะดุ้ง จึงรีบดึงตัวพ่อออกมาห่างไกลจากรถ และรีบโทรศัพท์แจ้งญาติและโทรแจ้งตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว 

 

อย่างไรก็ตามญาติไม่ได้ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต จึงส่งมอบศพให้ญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป