นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงผลงานด้านการท่องเที่ยวรอบปี 2561 ที่ผ่านมา ว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังจะเห็นได้จากประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จำนวน 38.27 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ 2.01 ล้านล้านบาท และจำนวนนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทย 164.24 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 1,068.18 พันล้านบาท โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ ตามพันธกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัด ทั้งนี้ จากนโยบายสำคัญที่ได้มอบไว้แก่ข้าราชการและบุคลากรของกระทรวงฯ ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2560 คือ 1.การให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการลดความเหลื่อมล้ำของรายได้ 2.การท่องเที่ยวต้อง สะดวก สะอาด ปลอดภัย ได้เอกลักษณ์ และยั่งยืน 3.การจัดตั้งคลินิกด้านการท่องเที่ยว และ 4.การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ ซึ่งหลายอย่างกำลังเดินหน้าไปด้วยดี ในขณะที่การตลาดเน้นนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง และเน้นการทำตลาดเฉพาะกลุ่มที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูงเพิ่มมากขึ้น โดย นายวีระศักดิ์ ยังกล่าวต่อว่า ทาง กระทรวงฯ ได้ใช้การท่องเที่ยวแบบวิถีไทย เป็นตัวขับเคลื่อนด้านการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม กระจายจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้สู่ชุมชนให้ทั่วถึง เน้นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวด้วยการส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย อำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติผ่านกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการเติบโตด้านการท่องเที่ยว รวมถึงการอบรมอาสาสมัครเพื่อการท่องเที่ยว หรือ การเป็นเจ้าบ้านที่ดี ส่งผลให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด จนปัจจุบันประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นอันดับ 4 ของโลก อย่างไรก็ตาม นายวีระศักดิ์ ยังกล่าวต่อว่า แม้จะมีปัจจัยท้าทายทั้งในและต่างประเทศก็ตาม ในภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศไทยยังเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายและเป็นการเติบโตในเชิงคุณภาพ โดยดูได้จากอัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้ สูงกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว โดยการท่องเที่ยวของประเทศไทยมีการพัฒนาและขยายตัวอย่างรวดเร็ว สามารถสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมามีปรากฏการณ์สนับสนุนจากกระแสละครอิงประวัติศาสตร์ อย่าง บุพเพสันนิวาส นาคี และงานอุ่นไอรัก...คลายความหนาว ทำให้เกิดการเดินทางเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ นอกจากการท่องเที่ยวในเมืองหลักแล้วยังมีการกระจายตัวไปยังเมืองรองต่างๆ ตามนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบพร้อมมีมาตรการสนับสนุน ตั้งแต่การลดหย่อนภาษีแก่นักท่องเที่ยว การยกเว้นภาษีกรณีจัดอบรมสัมมนาในจังหวัดเมืองรอง การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของเมืองรองต่างๆ มีผลทำให้นักท่องเที่ยวขยายตัวจากปี 2554 จำนวน 50 ล้านคน เป็น 90 ล้านคน ในปี 2561 โดยนักท่องเที่ยวมีการขยายตัวไปในทุกจังหวัด อีกทั้ง เมืองรอง ที่นักท่องเที่ยวมีการขยายตัวสูงสุด 2 อันดับแรก คือ ราชบุรี และชัยนาท และยังพบว่ามีจำนวน 18 เมืองรองที่รายได้จากการท่องเที่ยวขยายตัวสูงกว่าภาพรวมของเมืองรองทั้งหมด โดยเฉพาะจังหวัดบุรีรัมย์ มีการเติบโตของผู้มาเยี่ยมเยือนสูงสุด ประมาณ 21% จากการจัดแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก หรือ มอเตอร์จีพี รายการพีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2018 สนามที่ 15 ซึ่ง นับเป็นกิจกรรม สปอร์ต ทัวริสวึ่ม ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เพราะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมการแข่งขันมากกว่า 205,000 คน ก่อให้เกิดรายได้แก่จังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดในพื้นที่ใกล้เคียงมากกว่า 3,100 ล้านบาท สำหรับแนวโน้มการท่องเที่ยวปี 2562 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้คาดการณ์แนวโน้มโดยการวิเคราะห์อนุกรมเวลา (Time Series) ซึ่งใช้ฐานข้อมูลเชิงปริมาณที่จัดเก็บโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานำมาแปลงข้อเท็จจริงในอดีตไปพยากรณ์คาดการณ์แนวโน้มการท่องเที่ยวในอนาคต โดยคาดการณ์ว่าปี 2562 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 41.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.5% สร้างรายได้ 2.21 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น10% โดยแนวโน้มรายสัญชาติคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากจีน 11.69 ล้านคน เพิ่มขึ้น 11% จากประเทศในอาเซียน 11.31 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10%และจากยุโรป 6.90 ล้านคน เพิ่มขึ้น2%