หมายเหตุ : “พล.ท.พงศกร รอดชมภู”  อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์พิเศษรายการ “สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์” ถึงสถานการณ์ความขัดแย้งจากข้อพิพาทพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา สร้างความไม่สบายใจให้กับหลายฝ่าย ส่งผลกระทบทั้งในแง่ความมั่นคง เศรษฐกิจและการเมือง   ออกอากาศทางช่องยูทูบ Siamrathonline เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา มีสาระสำคัญดังนี้

- แนวโน้มการประชุม JBC ระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน นี้ที่กรุงพนมเปญจะได้ข้อยุติหรือไม่

การประชุม JBC คือการพูดคุยเรื่องการปักปันเขตแดน ดังนั้นเรื่องการเมืองคงไม่จบ การที่รัฐบาลไทยคาดหวังว่าจะจบคงไม่ใช่  ดังนั้นเราอย่าไปคาดหวังอะไรมาก และฝ่ายการเมืองต้องขยับมากกว่านี้ การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ผ่านมาก็พบว่า สิ่งที่แถลงออกมา ถือว่าใช้ได้โดยเราไม่ตัดประเด็นต่างๆ  เดิมเหมือนกับเราพยายามตัดมือตัดเท้าตัวเอง เพื่อเอาใจกัมพูชา ทั้งการระบุว่าเราจะไม่ใช้กำลัง หรือจะไม่ปิดด่าน สิ่งต่างๆเหล่านี้จะทำให้เราเสียเปรียบในการเจรจา

แต่เมื่อรัฐบาลออกมาพูดแล้วว่าเราจะไม่เอาใจกัมพูชาเต็มที่ ในลักษณะที่ว่าเราจะใช้เครื่องมือทางกองทัพเท่าที่มีอยู่  ส่วน JBC อย่าไปหวังมาก  เพราะประเด็นที่มีข้อพิพาทกันคือเรื่องดินแดน  แต่ทางด้านกัมพูชาเองบอกว่า 4 ปราสาท ที่ระบุถึง คือปราสาทตาเมือนธม ,ปราสาทตาเมือนโต๊ด ,ช่องบกและปราสาทตาควาย นั้นจะนำไปขึ้นศาลโลก โดยไม่คุยกับไทย

อย่างมากที่สุดก็อาจจะกลับไปสู่ 3 ข้อแรกที่เคยคุยกันตั้งแต่แรก คือการที่กำลังทหารถอยออกมาจากพื้นที่นิดหน่อย แต่ขณะเดียวกัน กัมพูชาก็บุกเข้ามาแล้ว ตรงช่องบก และสิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจกัน คือเรื่องโนแมนส์แลนด์ ที่ระบุว่าไม่มีใครเข้าไป ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเป็นพื้นที่ ที่เราก็เข้าไปไม่ได้ ต้องเข้าใจว่าการเกิดพื้นที่ทับซ้อน เกิดจากอะไร เกิดจากฝ่ายหนึ่งมีเส้นดินแดน จากแผนที่หรืออะไรก็ตาม ซึ่งอีกฝ่ายมีอีกเส้นหนึ่งมาคร่อมเรา ดังนั้นในจุดที่เขามาคร่อมที่เรา แล้วเราไม่เข้าไป เท่ากับเราเสียดินแดนส่วนนั้นไปเลย  ดังนั้นเราต้องอ้างสิทธิให้เต็มก่อนว่าพื้นที่เราแค่ไหน แต่เมื่อคุณเข้ามา จึงเกิดการทะเลาะกัน เราจึงสร้างโนแมนส์แลนด์ขึ้นมา ซึ่งเป็นบันทึกข้อตกลง ซึ่งก็อ่อนมาก มีเอ็มโอยู 43 กัมพูชาก็ยังรุกล้ำเข้ามา  เพราะเป็นแค่ข้อตกลง ก็จะเป็นปัญหาแบบนี้ไปเรื่อย ๆ

สิ่งที่เราพูด คือการที่รัฐบาลบอกว่ากัมพูชาไม่ได้ล้ำเข้ามา 200 เมตร เป็นโนแมนส์แลนด์ การพูดแบบนี้ผิด  เพราะความจริงแล้ว กัมพูชาล้ำเข้ามาแล้ว ซึ่งเป็นโนแมนส์แลนด์ที่ทั้งสองต้องไม่อยู่ แปลว่าเรายอมถอยมาให้เขาแล้ว โดยที่เราไม่ได้อ้างสิทธิของเรา ซึ่งเรื่องกฎหมายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้นหากคุณนิ่งเฉย เขาก็เชื่อว่าคุณผิด  ดังนั้นการที่เกิดการปะทะกันแล้วผ่านมากว่า 10 วัน แต่รัฐบาลไทยนิ่งเฉยหรือไม่มีการตอบโต้อะไร  นอกจากออกแถลงการณ์ 2 ฉบับ หรือการออกมาแถลงข่าวหลังประชุมสมช. ซึ่งมันไม่ใช่ข่าวใหญ่อะไร

สิ่งที่เราต้องการคือการทำให้ประชาคมโลกรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น จริง เท็จ ผิด ถูก ว่าไปตามนั้น แล้วเราจะใช้คุณภาพของการเป็นคนไทยไปสู่กับสิ่งที่มันไม่จริง ยกตัวอย่างกรณีมวยไทยกับกุนแขมร์ ไม่ว่าคุณจะลอกเลียนแบบอย่างไรก็ตาม แต่มวยไทยก็คือมวยไทย  กุนแขมร์ คือกุนแขมร์ แต่ถ้ากัมพูชามาเคลมว่าเป็นเจ้าของ ก็ต้องมาพิสูจน์กัน

ประเทศกัมพูชา เป็นประเทศที่มีปัญหา เพราะรากฐานถูกทำลายหลายรอบมาก  สมัยที่โดนไทยมา 3 ครั้ง ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น  ที่ไปโจมตีนครวัดนครธม  สมัยพระนเรศวร ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 2 อันนี้เป็นเรื่องทางประวัติศาสตร์ จากนั้นมาถึงสมัยเขมรแดง มีการโจมตีของเวียดนามเข้ามา บ้านเมืองเขาระส่ำระสายมาตลอด จึงไม่มีราก และรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ไทยก็เข้าใจ แต่เราก็ต้องบอกความจริงไป ไม่ต้องไปโมโห หรือสร้างเรื่องขึ้นมา จนเกิดการสร้างความเกลียดชังต่อกัน  และจะทำให้เราตัดสินใจอะไรพลาดไป

อย่างไรก็ดี เท่าที่ได้รับมาจากคนในกัมพูชาเอง ทราบว่าการที่ทหารกัมพูชาขุดคูเลต ที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี  เขามองไปไกลกว่านั้น คือการที่มีสันปันน้ำ ซึ่งห้ามไม่ให้ใครอยู่ ห้ามการก่อสร้าง ห้ามเปลี่ยนแปลง แต่ทางกัมพูชาเข้าไปเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สันปันน้ำเบนออกจากที่มันควรจะเป็น กลายเป็นว่าดินแดนของเขาจะไหลเข้ามาในที่ของไทยเลย โดยที่เราเถียงไม่ได้ ดังนั้นเรื่องสันปันน้ำ จะกลายเป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่งที่ไทยต้องตรวจสอบ อย่างแข็งขัน ต้องไม่ยอมกัน ไทยต้องเป็นฝ่ายฟ้องนานาชาติด้วยว่า ขณะที่เรายังไม่มีการปักปันเขตแดน ทางกัมพูชาเข้ามาวุ่นวาย ยุ่งเหยิง หรือมาเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิประเทศ ด้วยความตั้งใจ และไทยไม่ยอม เราต้องการให้กลับไปสภาพเดิม

เรื่องนี้ต้องฟ้องชาวโลก เพื่อที่ว่าเวลามาตกลงกันในอีกหลายปีข้างหน้า หรือจนคนลืมไปแล้วจะได้มีหลักฐานบันทึกเอาไว้ว่ากัมพูชาเข้ามายุ่งเหยิงกับสันปันน้ำ และเมื่อมีการปักปันเขตแดนจริง ๆ กัมพูชาจะได้มาอ้างไม่ได้ว่า  แต่เราเงียบ เราจะเสียประโยชน์ ขอฝากไว้ เราต้องมีบันทึกไว้ต้องมีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเอาไว้ แต่เสียดายที่ไทยไม่มีผู้นำที่จะสามารถตอบโต้ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา ได้

และขอฝากไปยังเจ้าหน้าที่ จะต้องบันทึกเรื่องความคิดความอ่าน การตอบโต้กับทางกัมพูชาทุกเม็ด แล้วให้นายกฯออกรายการรวมการเฉพาะกิจสั้น ๆ ว่าเรื่องนี้คืออะไร และมีเหตุผลอะไร เพื่อให้เป็นข่าวไปทั่วโลก จากนั้นไทยจึงค่อยไปพูดคุยกับสำนักข่าวใหญ่ๆ

นอกจากนี้ ก่อนถึงวันประชุม JBC วันที่ 14 มิถุนายนนี้ ไทยควรฟ้องชาวโลกกรณีที่กัมพูชา ซ้อมรบโดยใช้กระสุนจริง ว่าทำไมต้องใช้กระสุนจริง เพื่ออะไร  แต่มันมีท่าทีคุกคาม ทำให้เราไม่สบายใจ แม้ทางกองทัพเรือกัมพูชาจะไม่มีศักยภาพที่จะสู้กับกองทัพเรือของไทยได้ก็ตาม  แต่การซ้อมรบที่ผ่านมาล่าสุดของกัมพูชา มีจีนเข้ามาร่วมด้วย ไทยต้องตั้งข้อกังขาว่าทางกัมพูชา คิดอะไรอยู่ และต้องถามไปยังจีนว่าคิดอะไรอยู่ การทำเช่นนี้เพื่อประโยชน์อะไร

ทั้งที่ไทยมีความตึงเครียดกับกัมพูชาอยู่ณ เวลานั้น จีนจะร่วมมือกับกัมพูชาเพื่อสร้างความตึงเครียดหรือ หรือจริงๆแล้วจีนต้องการคุกคามประเทศไทย หรือต้องการให้ไทยทบทวนความสัมพันธ์กับจีนใหม่ เราต้องคุยกับจีน แต่ถ้าเราเงียบๆไปทุกอย่างก็จะผ่านไป แต่ผมเชื่อว่ารัฐบาลจะเงียบและปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปเหมือนเดิม แล้วอ้างว่าไม่มีอะไร บอกว่าคุยกันได้เหมือนเดิมตลอด

เรื่องต่อไป คือเรื่องการขึ้นศาลโลก ซึ่งคนไทยเองไม่มั่นใจว่ารัฐบาล โดยนายกฯแพทองธาร เอง แม้จะมีการแถลงการณ์ออกมาว่าไทยจะไม่ขึ้นศาลโลกก็ตาม หรือบอกว่ามีการตกลงตั้งแต่สมัยก่อน แต่นั่นคือข้อตกลงสมัยก่อน สมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ แต่ยังไม่ออกจากปากของนายกฯแพทองธารเลย การที่ไทยบอกว่าไม่ขึ้นศาลโลกเพราะเรามองว่าไม่จำเป็น  ไทยปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศมาโดยตลอดอยู่แล้ว  เราต้องทำให้ชาวโลกเห็นว่าการที่กัมพูชายกระดับ ทำตัวเป็นเหยื่อ แต่บุกเข้ามาแล้วทำเป็นว่าตัวเองโดนรังแก โดนยิงก่อน มันเป็นการสร้างสถานการณ์ทั้งสิ้น

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือกองทัพบกเป็นผู้แถลง แล้วสำนักข่าวต่างประเทศที่ไหนจะฟัง เขาไม่รู้ ดังนั้นจึงต้องพูดระดับประเทศ ระดับนายกฯต้องพูดแรงๆ ให้เป็นข่าว เราต้องเตรียมสวนเอาไว้เลย หากไม่กล้าพูดก่อน เราไม่ต้องพูดยาวๆ หรือคำประดิดประดอย แต่ไม่ได้หมาย มันไม่มีประโยชน์ ให้พูดเฉพาะประเด็น ตัวนายกฯต้องพูดตรงๆไปเลยว่าที่ฮุนเซน พูดนั้นเป็นข่าวเท็จ หรือเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง

พูดเลยไม่ต้องเกรงใจ การเกรงใจฮุน เซน เป็นจุดอ่อน ต้องรู้สึกว่าเรากับเขานั้นเท่ากัน ไม่มีใครเหนือกว่าใคร ไม่ต้องยอมกัน เราต้องเห็นแก่ประเทศชาติบ้านเมือง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เกิดข้อสงสัยที่ว่าการมีสัมพันธ์อันดี ทำให้คนไทยไม่เชื่อว่านายกฯแพทองธาร จะไม่เอาเรื่องพิพาทขึ้นศาลโลก และถ้ามีความแข็งกร้าวขึ้นมา คนไทยจะได้มั่นใจในตัวนายกฯ ต้องลบจุดอ่อน ทำให้เห็นชัดเจนว่ายืนอยู่ข้างประเทศไทยแน่นอน  แต่ผมไม่ได้บอกว่าท่านขายชาติ หรืออะไร แต่ท่าทีของนายกฯ กับทางกัมพูชามันไม่แข็งแรงเท่าที่ควร คนไทยรู้สึกว่าโดนรังแกแล้วทำไม ไม่มีใครช่วย

-ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ท้ายที่สุดแล้วต้องถึงมือที่ปรึกษาประธานอาเซียน อย่างคุณทักษิณหรือไม่

คุณทักษิณ เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ เป็นเครือญาติ กับฮุน เซน แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าฮุน เซน เป็นนักรบ ส่วนคุณทักษิณ เป็นพ่อค้า  หากจะใช้วิธีการเจรจาเรื่อยๆ เขาไม่ฟังหรอก พวกนักรบคิดอีกแบบหนึ่ง เช่นคุยเลยว่า เพื่อที่จะไม่ต้องขึ้นศาลโลก เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน และจะบานปลาย ขอเรื่องเดียว การประชุมJBC เรื่องการปักปันเขตแดนทำกันอย่างจริงจังเลยหรือไม่ เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องนี้คุณทักษิณ น่าจะช่วยได้เยอะ จากนั้นก็เริ่มปักหลักเขต ตั้งแต่ที่จ.ตราดเลยไม่อย่างนั้นก็จะมีปัญหาเรื่องของการรุกล้ำอีก เชื่อว่าทำเรื่องนี้ ได้ โอกาสที่จะขึ้นศาลโลกก็จะหมดไป อย่างไรก็ตามจะต้องดูให้ดีๆ อย่าให้มีการแก้ไขหรือไปวุ่นวายยุ่งเหยิงกับสันปันน้ำ เรื่องนี้เป้นเรื่องใหญ่  หากคุณทักษิณทำได้จะเป็นคุณูปการ ที่ได้ช่วยชาติบ้านเมืองไว้ เชื่อว่าทางกัมพูชาจะตกลงด้วยแน่