คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย
แทบไม่น่าเชื่อเลยที่ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” และคู่หูสนิทคนใหม่ถอดด้ามอย่าง “อีลอน มัสก์” ที่เคยทำตัวสนิทสนมติดกันราวกับเป็นปาท่องโก๋ แต่ท้ายที่สุดต้องเกิดหมางเมินกลายเป็นข่าวประจำวันแพร่กระจายไปทั่วโลก
เมื่อครั้งที่กำลังมีการแข่งขันเลือกตั้งในตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯเมื่อปีค.ศ. 2024 ดูเหมือนว่าทั้งประธานาธิบดีทรัมป์ และอีลอน มัสก์ ยังอยู่ในโหมดข้าวใหม่ปลามันสนิทชิดเชื้อไม่ห่างจากกัน!!!
จน อีลอน มัสก์ ถึงกับไปหาเช่าที่พักใกล้ๆกับคฤหาสน์ของประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อปรึกษาหารือกันในทุกๆเรื่อง และแทบทุกๆวัน
อีกทั้งอีลอน มัสก์ ยังยอมทุ่มทุนควักกระเป๋าเปย์เงินบริจาคให้กับประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อนำไปใช้หาเสียงมากถึง 277 ล้านดอลลาร์ จนมีผลทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับเลือกในสมัยที่สอง แถมอีลอน มัสก์ ยังใช้ “X” สื่อชื่อดังทางโลกโซเชียลที่มีคนติดตามมากกว่าสองล้านคนของเขา กระหน่ำประชาสัมพันธ์ให้ประธานาธิบดีทรัมป์อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู
ในวันฉลองชัยชนะการประกาศผลเลือกตั้งในคืนเลือกตั้ง 5 พฤศจิกายน 2024 อันดับแรกประธานาธิบดีทรัมป์ได้กล่าวแนะนำอีลอน มัสก์ต่อหน้าชาวโลกว่า “อีลอน มัสก์ คือ ดาวรุ่งในแวดวงการเมืองคนใหม่ของสหรัฐฯ” ซึ่งขณะนั้นอีลอน มัสก์ ก็คือ ฮีโร่ขุนพลคู่ใจคนใหม่เอี่ยมอ่องของเขานั่นเอง
และในวันแรกของการก้าวเข้าสู่ตำแหน่งอย่างเป็นทางการในสมัยที่สอง ประธานาธิบดีทรัมป์ก็ยังไม่ลืมที่จะออกมาป่าวประกาศว่า ได้มอบตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษให้แก่อีลอน มัสก์แล้วอีกด้วย!!!
แถมในการประชุมคณะรัฐมนตรีทุกๆครั้ง ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังมอบเกียรติให้แก่อีลอน มัสก์เป็นกรณีพิเศษ โดยสามารถจะพูดอะไรในที่ประชุมก็ได้แทบทุกเรื่อง
และทุกๆครั้งที่อีลอน มัสก์ ไปปรากฏตัวในฐานะ “ผู้อำนวยการองค์กรประสิทธิภาพเพื่อลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล” (DODE) ปรากฏว่า เขาได้กลายเป็นบุคคลที่น่าเกรงขามต่อบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐประจำของรัฐบาลสหรัฐฯด้วยเช่นกัน
เท่ากับว่า ณ ขณะนั้น ประธานาธิบดีทรัมป์ก็คือ ผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก และอีลอน มัสก์ ก็คือ ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกและยังมีอิทธิพลเสริมแถมเพิ่มเติมเข้าไปอีก ซึ่งตอนนั้นเขาก็คือพันธมิตรคนสำคัญที่สุดของประธานาธิบดีทรัมป์เลยทีเดียว
แต่ทว่านิยามที่ว่า “เสือสองตัว ไม่อาจจะอยู่ในถ้ำเดียวกันได้” ก็ได้กลายเป็นความจริง เพราะขณะนี้มีข่าวแพร่ออกมาหนาหูหนาตาว่า ทั้งสองกำลังเหม็นขี้หน้าจนไม่อยากจะเสวนาต่อกันแล้ว
โดยจุดเริ่มแรกที่อีลอน มัสก์ เกิดอาการไม่พึงพอใจประธานาธิบดีทรัมป์ สืบเนื่องมาจากพันธมิตรของเขาถูกประธานาธิบดีทรัมป์ผลักดันให้ถอนตัวออกจากการที่จะเข้าไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การนาซา ที่ถึงแม้ว่าเขาผู้นั้นคือตัวเก็งติดอันดับก็ตาม
แต่จุดที่เกิดปะทุจนกลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่ประธานาธิบดีทรัมป์เกิดความไม่พอใจต่ออีลอน มัสก์ ก็คือ การที่อีลอน มัสก์ ดันปากไวไปกล่าววิพากษ์วิจารณ์ตำหนิงบประมาณของสภาผู้แทนฯ ที่เขาไปโพสต์ลงในสื่อโซเชียล “X” ของเขาว่า “ร่างงบประมาณของสภาผู้แทนฯที่ประธานาธิบดีทรัมป์ผลักดันให้ผ่าน ที่มีงบประมาณ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์นั้น จะมีผลทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น ถึง 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ภายในสิบปีเลยทีเดียว” แถมเขายังได้กล่าวโจมตีต่อไปอีกในทำนองที่ว่า “แทนที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะลดยอดหนี้สาธารณะของสหรัฐฯให้ลดน้อยลง แต่กลับให้พันธมิตรของตนเองที่เป็นกลุ่มนักธุรกิจยักษ์ใหญ่กลายมาเป็นผู้รับผลประโยชน์แทนประเทศชาติ”
อย่างไรก็ตามจากการหยั่งเสียงของโพลสองสำนักอันได้แก่ “สถานีโทรทัศน์ช่องซีบีเอส” ร่วมกับ “สำนักโพลYouGov” ปรากฏออกว่า การที่ประธานาธิบดีทรัมป์กระทำเยี่ยงนี้จะเป็นผลเสียต่อคนชั้นกลางถึง 47% และ เป็นจะผลร้ายต่อคนยากจนมากถึง 54%
ทั้งนี้ยังมีความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ถึง 60% ในแง่ที่ว่า “งบประมาณของประธานาธิบดีทรัมป์เอื้ออำนวยให้กับกลุ่มคนรวยโดยตรง”
การที่อีลอน มัสก์ ออกมากล่าววิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องของงบประมาณค่อนข้างหนัก ทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “รู้สึกผิดหวังต่ออีลอน มัสก์ มากทีเดียว”
นอกจากนั้นแล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้ให้สัมภาษณ์เชิงข่มขู่ว่า “ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลสหรัฐฯจะต้องตัดโครงการต่างๆของอีลอน มัสก์ ออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการด้านอวกาศ”
ในวันต่อมาอีลอน มัสก์ ได้ออกมาทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้แก่ประธานาธิบดีทรัมป์ อีกลูกหนึ่ง โดยเขาออกมาพูดแจกแจงว่า “ในการแข่งขันเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯเมื่อปีค.ศ. 2024 หากมิได้รับความช่วยเหลือจากข้าพเจ้าแล้วละก็ เป็นที่แน่นอนว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะต้องพบกับความพ่ายแพ้การเลือกตั้ง แถมสภาผู้แทนราษฎร จะต้องตกไปอยู่มือของพรรคเดโมแครตอีกด้วย”
ดูเหมือนว่า แม้จะเป็นเพียงคำพูดไม่กี่คำและยังเป็นแค่เพียงประโยคสั้นๆ แต่กลับมีผลทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ เจ็บแค้นโกรธจัดหัวฟัดหัวเหวี่ยง ประหนึ่งว่าเขาถูกแทงเข้าไปลึกจนถึงกระดูกดำ โดยพ่อของอีลอน มัสก์ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ทำนองที่ว่า การพูดจาเหมือนดั่งทิ้งระเบิดลูกใหญ่ของอีลอน มัสก์ ในครั้งนี้ ถือเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์ทีเดียว!!!
โดยประธานาธิบดีทรัมป์ ออกมาตอบโต้ว่า หากอีลอน มัสก์ แปรพักตร์หันไปบริจาคเงินสนับสนุนนักการเมืองของพรรคเดโมแครต ในการเลือกตั้งกลางสมัยปีหน้า อีลอน มัสก์ จะได้รับโทษอย่างมากมายมหาศาล
แต่อย่างไรก็ตาม อีลอน มัสก์ ได้ออกมากล่าวเปิดประเด็นใหม่ว่า “ข้าพเจ้าอาจจะตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ และจะหาทางปลดประธานาธิบดีทรัมป์ออกจากตำแหน่ง และจะให้ “รองประธานาธิบดีเจดี แวนส์” เข้าไปรับตำแหน่งแทนที่”
อย่างไรก็ตามจากผลการหยั่งเสียงของสำนักโพล YouGov เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2025 ปรากฏว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่เทคะแนนสนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์ เหนือกว่าอีลอน มัสก์ 28% ต่อ 8% ส่วนอีกครึ่งหนึ่งกล่าววางตัวเป็นกลาง ส่วนสมาชิกของพรรครีพับลิกัน 71% เข้าข้างประธานาธิบดีทรัมป์ ส่วนสมาชิกของพรรคเดโมแครต 80% วางตัวเป็นกลาง
กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นการเกิดดราม่าเหม็นขี้หน้าไม่สบอารมณ์กันระหว่าง “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” กับ “อภิมหาเศรษฐีอีลอน มัสก์”ในครั้งนี้ นับได้ว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ล้วนๆ และจากข่าววงในที่มีความสนิทสนมกับทั้งคู่ต่างก็เชื่อกันว่า ในที่สุดแล้วเขาทั้งสองก็คงจะหวนกลับมาเช็คแฮนด์ประนีประนอมหยวนๆต่อกัน ที่ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะปากแข็งยืนกรานว่าจะไม่มีวันเกิดขึ้นโดยเด็ดขาดละครับ