ดนตรี / ทิวา สาระจูฑะ

สไล แอนด์ เดอะ แฟมิลี สโตน เป็นวงดนตรีอเมริกันที่มีส่วนสำคัญในพัฒนาการของดนตรีฟังก์, โซล, ริธึ่ม แอนด์ บลูส์, ร็อค และไซคีเดลิค

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2025 ที่ผ่านมา สไล สโตน นักร้อง, นักแต่งเพลง, โปรดิวเซอร์ และผู้เล่นเครื่องดนตรีได้หลากลาย ซึ่งเป็นมันสมองและผู้นำวง ได้เสียชีวิตอย่างสงบในวัย 82 ปี หลังจากต่อสู้กับโรคปอดอุดตันเรื้อรังและปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆมายาวนาน

สไล เป็นชื่อเล่นที่มาจากชื่อจริงว่า ซิลเวสเตอร์ สจ๊วร์ท เกิดในเดนตัน, เทกซัส เมื่อปี 1943 ผู้ได้การยอมรับของวงการดนตรีโลกในเวลาต่อมาว่าเป็นหนึ่งใน “อัจฉริยะ”

ในปี 1966 สไล มีวงของเขาเองชื่อ สไล แอนด์ เดอะ สโตนส์ ขณะที่น้องชายของเขา เฟร็ดดี้ ก็มีวง เฟร็ดดี้ แอนด์ เดอะ สโตน โซลส์ ทั้งสองตัดสินใจที่จะรวมวงเข้าด้วยกัน ใช้ชื่อเป็น สไล แอนด์ เดอะ แฟมิลี่ สโตน หลังจากปรับเข้าหากันและซักซ้อมร่วมกัน วงก็เริ่มออกแสดงครั้งแรกในปี 1967

สมาชิกยุคก่อตั้งประกอบด้วย สไล, เฟร็ดดี้ เล่นกีตาร์, โรส น้องสาวอีกคนของ สไล เล่นคีย์บอร์ด, ซินเธีย โรบินสัน เล่นทรัมเป็ต, เกรก เออร์ริโค มือกลอง, ลาร์รี่ เกรแฮม มือเบสส์ และ เจอร์รี่ มาร์ตินี่ เล่นแซกโซโฟน คอลัมนิสต์หลายรายชี้ว่า นี่คือวงร็อคอเมริกันชื่อดังวงแรกที่มีการผสมนักดนตรีทั้งเพศและสีผิว

สไล แอนด์ เดอะ แฟมิลี่ สโตน มีเพลงฮิท อย่าง "Everyday People", "Dance to the Music", "Thank You (Falettinme Be Mice Elf Agin)", "Family Affair", "Stand!" และ "Hot Fun in the Summertime" รวมถึงอัลบั้มที่ยกย่องให้เป็นงานชิ้นเอกของวงการดนตรี อย่าง Dance to the Music (1968), Stand! (1969), There's a Riot Goin' On (1971) และ Fresh (1973)

จอร์จ คลินตัน ตำนานดนตรีฟั้งก์ บอกกับโทรทัศน์ ซีบีเอส เมื่อปี 2023 ว่า การดู สไล แอนด์ เดอะ แฟมิลี สโตน ก็คล้าย "การดู เดอะ บีเทิ่ลส์ ในเวอร์ชันผิวดำ"

ดนตรีของ สไล แอนด์ เดอะ แฟมิลี่ สโตน ผสมผสานความเป็นป็อปเข้ากับแนวทางดนตรีอื่น ด้วยฝีมือที่จัดจ้านของนักดนตรี ขณะที่เนื้อหาของบทเพลงมักเป็นประเด็นทางสังคม และการแสดงบนเวทีที่เต็มไปด้วยสีสัน ความสนุกสนาน เร้าอารมณ์

แต่ปัญหาภายในวงก็มาถึงเมื่อ สไล เริ่มใช้ยาเสพติดอย่างหนักระหว่างปี 1970 ถึง 1971 นิตยสาร พีเพิ่ล รายงานว่า เขาพลาดการแสดงของวงถึง 3 ใน 4 ระหว่างช่วงเวลานั้น จนกระทั่งปี 1975 สมาชิกรุ่นก่อตั้งก็กระจัดกระจายย้ายแยกไป สไล ต้องทัวร์กับวงที่เปลี่ยนแปลงตัวนักดนตรีไปเรื่อย พร้อมกับความนิยมที่เสื่อมถอยลง

ในปี 1983 สไล ถูกจับข้อหามีโคเคนไว้ในครอบครอง วงต้องจบลงไปโดยปริยาย ต่อมาเขาเริ่มผลิตผลงานเดี่ยว แต่ในที่สุดก็ต้องเข้าศูนย์บำบัดในปี 1986 แต่ก็ไม่สามารถเลิกขาดจากยาเสพติดได้ ทรัพย์สินเงินทองที่ได้มาจากความสามารถและชื่อเสียงก็ร่อยหรอลง ช่วงหนึ่งในชีวิต สไล ตกอับถึงขนาดไร้ที่อยู่ ต้องกินนอนในรถแวนเก่าๆ

สไล เหมือนรีไทร์จากวงการดนตรี หลายทศวรรษที่ผ่านมา เขาหายไปจากสายตาของสาธารณชน ยกเว้นสองสามครั้งที่โผลืมาในงานเกียรติยศ แต่ในที่สุด สไล ก็เอาชนะการต่อสู้กับยาเสพติดได้เด็ดขาดในปี 2019 กว่าจะใสสะอาดได้ก็เป็นเวลานานมาก

เขาบอกกับหนังสือพิมพ์ เดอะ การ์เดี้ยน ในตอนนั้นว่า หมอบอกว่ายาเสพติดจะฆ่าเขาในที่สุด "ตอนนั้น ผมไม่ใช่แค่ฟังหมอเท่านั้น แต่ผมเชื่อเขา ผมรู้ชัดแล้วว่า ผมจำเป็นต้องขจัดมันออกให้หมด ผมจดจ่ออยู่กับการทำตัวให้แข็งแรงจึงจะล้างมันออกไปได้”

หลังจากเข้าศตวรรษใหม่ สไล สโตน ปรากฏตัวต่อสาธารณชนมากขึ้น ทั้งออกแสดงของตนเอง, ร่วมกับศิลปินอื่น และให้สัมภาษณ์ทางสื่อต่างๆ แต่ก็มีปัญหาสุขภาพที่เสื่อมถอย ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการใช้ยาเสพติดยาวนาน

หลังสุดในปี 2023 สไล ออกหนังสือบันทึกความทรงจำ  "Thank You" ซึ่งมาจากชื่อเพลงฮิทเพลงหนึ่งของเขา

ผลงานของ สไล แอนด์ เดอะ แฟมิลี่ สโตน มีอิทธิพลต่อสุ้มเสียงของดนตรีอเมริกันในเวลาต่อมา ทั้งฟั้งก์, ป็อป, โซล, อาร์แอนด์บี และฮิป-ฮ็อป  

ในการจัดอันดับของนิตยสาร โรลลิ่ง สโตน ชื่อของ สไล แอนด์ เดอะ แฟมิลี่ สโตน ติดอยู่ใน 100 ศิลปินยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล และมีผลงาน 3 อัลบั้มติดอยู่ใน 500 อัลบั้มยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล นอกจากนั้น พวกเขาได้รับการบันทึกชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศแห่งร็อค แอนด์ โรลล์ ในปี 1993 และเข้าสู่หอเกียรติยศของกลุ่มนักร้องในปี 2007

นักวิจารณ์ดนตรี โจเอล เซลวิน เคยเขียนไว้ว่า "ดนตรีผิวดำมีอยู่ 2 แบบ: ดนตรีผิวดำก่อน สไล สโตน และดนตรีผิวดำหลัง สไล สโตน"