เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.68 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก "Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์" ระบุว่า รัฐบาลเละเทะไม่มีชิ้นดี พรรคร่วมเปิดศึกแฉแตกหัก ไม่รอมชอมออกอาการพัง ขณะที่คุณหนูนายกฯ ยังโชว์เวอร์หน้าแตกซ้ำซากสั่งเปิด-ปิดด่านชายแดน เย้ยสหายอ้วนใหญ่ไร้ปัญญาแก้ปัญหาตึงเครียดไทย-กัมพูชา มั่นใจแพทยสภาตอกย้ำมติลงโทษจริยธรรม คาดโหวตผ่าน 47 เสียง โชว์ศักดิ์ศรียืนเด่นคงทนเกียรติภูมิ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน เมื่อ 11 มิ.ย. 2568 โดยประเมินว่า ขณะนี้เสถียรภาพรัฐบาลมีทั้งศึกในและศึกนอกริมชายแดน มะรุมมะตุ้มใส่จึงออกอาการเละเทะไม่มีชิ้นดี ซึ่งคาดอยู่กันอีกไม่นานคงพังย่อยยับ
อีกทั้งกล่าวว่า เสถียรภาพรัฐบาลขณะนี้เต็มไปด้วยความโกลาหลและทะเลาะแตกแยกกัน เริ่มจากพลังประชารัฐถูกแบ่งออกเป็นสองซีก มาถึงรวมไทยสร้างชาติบาดหมางแฉโพยกันจนยากจะรอมชอม ส่วนภูมิใจไทยถูกยุแหย่จากพรรคภายนอกพยายามให้ทะเลาะเบาะแว้งแต่ไม่สำเร็จ เพราะการจัดการและเดินงานการเมืองของพรรคเป็นเอกภาพ
ส่วนสถานการณ์ตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา ในบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล จากภูมิใจไทย ใช้ตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ตระเวณดูงานในจังหวัดชายแดนอีสาน สร้างความโดดเด่นเหนือกว่านักการเมืองคนอื่นๆ โดยเฉพาะพรรคแกนนำอย่างเพื่อไทย ต้องตกเป็นรองหลายขุมแทบไม่มีศักดิ์ศรี
สำหรับอุ๊งอิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ หลังจากหลงทิศ เพราะเหตุเกิดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชายแดนอุบลราชธานีทหารไทย-กัมพูชา ฮึ่มๆ ใส่กันตรงช่องบก นายกฯ กลับไปดูงานแก้ปัญหาน้ำที่กาญจนบุรี-ภาคตะวันตก จนถูกต่อว่าต่อขานกันโขมง ไร้ภาวะผู้นำ
เมื่อฝ่ายเสธฯ คอยฝึกงานนายกฯ จับมาปรับทางจูนทิศใหม่ นายกฯ ลงพื้นที่ชายแดนที่สุรินทร์ ไปเยี่ยมด่านช่องจอม ก้มๆ เงยๆ ดูหลุมหลบภัยของนักเรียนอย่างงกๆ เงิ่นๆ ราวกับเป็นสิ่งแปลกเพิ่งเคยเห็นแล้วได้สัมผัส
ด้วยความไม่รู้สึกรู้สา หมกมุ่นกับการแสดงให้เวอร์ เปิดเสียงโชว์คำสั่งปรับเวลาเปิด-ปิดด่านใหม่ แต่ไม่เข้าใจเกมกดดันช่วงชิงทางการเมืองระหว่างประเทศ หนำซ้ำยังออกอาการคุณหนููถูกขัดใจไม่ให้ซื้อลอตเตอรี่เพื่อซื้อใจแม่ค้า จนเสียแต้มการเมืองเป็นปกติซ้ำซาก
นายจตุพร วิจารณ์ว่า ไม่มีใครคาดหวังอะไรกับนายกฯ ไปแก้ปัญหาชายแดน เพราะไปช้าและยังไม่เท่าทันภาวะตึงเครียดของทหาร และทั้งไม่เข้าใจอารมณ์หวั่นกังวลของชาวบ้านชายแดนที่อยู่ในรัศมีกระสุนตกจนขุมหลุมหลบภัยประจำบ้านเพื่อสร้างความอุ่นใจให้ครอบครัว
"วันนี้เราไม่เห็นสาระการลงพื้นที่ (ของนายกฯ) จะมีอะไร อีกอย่างบทบาทหน้าที่ต่างๆ ของ รมว.กลาโหม ต่างประเทศ และนายกฯ ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ (ชายแดนตึงเครียด) เลย"
รวมทั้งกล่าวว่า เมื่อกัมพูชาคิดการณ์ใหญ่ ต้องการพา 3 ปราสาทตาเมือนเข้าสู่ศาลโลก แม้เป็นการร้องฝ่ายเดียวเพื่อหวังนำผลให้ลามไปถึงองค์การสหประชาชาติ แต่ไทยสู้ด้วยการเจรจาระดับเจบีซี (JBC) ทางเดียวในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ทั้งๆ ที่กัมพูชาตอกย้ำไม่เจรจากรณีช่องบก และ 3 ปราสามตาเมือม
ส่วนไทยไม่สนใจ ยิ่งออกอาการเลอะเทอะไปใหญ่ เมื่อยืนกรานอยากคุยเรื่องราวที่เขาเมิน ไม่อยากพูดด้วย ซึ่งไทยน่าจะเลื่อนเจรจาเจบีซีออกไปก่อน เพราะการประชุมสองฝ่ายยังมีเวลาเป็นชาติ ดังนั้น จึงควรหามาตรการใหม่
"ถ้ารัฐบาลยังอยู่ในสภาพเละเทะ ง่อนแง่นกันแบบนี้ เชื่อว่านับวัน (พัง) กันได้ เมื่อมีเรื่องชายแดน แต่กลับมาถล่มกันเองภายในพรรคร่วมรัฐบาล พรรคหลักจะยึดโควต้าพรรคร่วม แต่ละเรื่องชุลมุนชุลเกอยากมีอำนาจเป็นใหญ่"
นายจตุพร กล่าวถึงปัญหา รธน. 60 มาตรา 144 ว่า หน้าที่ ปปช.คือรับเรื่องร้องเรียนอย่างเดียว เมื่อรับร้องไว้พิจารณาแล้ว เท่ากับข้อกล่าวหามีมูลสอบสวนความผิด ดังนั้นต้องส่งเรื่องให้ศาล รธน.วินิจฉัยใน 15 วัน แต่ ปปช.กลับจะตัดสินเอง ซึ่งเป็นการทำผิดหน้าที่ เพราะไม่มีหน้าที่วินิจฉัย
"ปปช.เป็นแค่บุรุษไปรษณีย์ เมื่อเอกสาร หลักฐานบันทึกการประชุมครบถ้วน และเรื่องมีมูลรับไว้พิจารณาแล้ว ต้องทำแค่นำส่งศาล รธน.วินิจฉัยทันที่ หาก ปปช.สงสัย แกะซองดูหลักฐาน ย่อมจะทำเกินหน้าที่"
พร้อมทั้งประเมินการประชุมของแพทยสภาในวันที่ 12 มิ.ย.ว่า วาระลงมติยืนยันลงโทษจริยธรรมกับ 3 แพทย์ปมทักษิณ ชินวัตร ชั้น 14 มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ตนเคยคาดเสียงกรรมการจะมีเกิน 60 เสียงจากทั้งหมด 70 เสียงนั้น แต่ล่าสุดกรรมการโดยตำแหน่งบางส่วนหวั่นถูกเล่นงานกรณีกรุ๊ปแซทไลน์จึงต้องขอตรึกตรองการโหวตซ้ำอีกครั้งก่อน
"ได้ข่าวมา ท่าทีล่าสุดคาดว่า จะมีกรรมการแพทยสภาอย่างน้อย 55 คนออกเสียงยืนยันมติเดิมให้ลงโทษจริยธรรม 3 หมอที่ รมต.สมศักดิ์ เทพสุทิน วีโต้ไว้ อย่างไรก็ตาม เสียงมีเกิน 2 ใน 3 หรือจำนวน 47 เสียง ซึ่งผ่านการยืนมติเดิมอยู่แล้ว"
นายจตุพร กล่าวว่า มติของแพทยสภา เป็นกระดุมเม็ดแรกและเคยสำแดงพลังต้านรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจนลุกลามไปทั่วประเทศมาแล้ว ดังนั้น ตนจึงเชื่อแพทย์จะยืนกรานประวัติศาสตร์ความถูกต้องอย่างมีศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิเอาไว้ดังเดิม เพื่อไม่ให้อำนาจการเมืองมาครอบงำ
สำหรับศาลฎีกาฯ นักการเมือง นัดพร้อมหรือไต่สวนวันที่ 13 มิ.ย.นั้น เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ทักษิณ ไม่ไปศาลตามนัดไว้ โดยอ้างเหตุขอขยายเวลายืนเอกสารของจำเลยไปเป็นวันที่ 23 มิ.ย. แต่มอบอำนาจให้ทนายเป็นตัวแทนไปศาล
อย่างไรก็ตาม การไต่สวนและมีคำสั่งของศาลย่อมไม่มีขึ้นในวันที่ 13 มิ.ย. เช่นกัน ดังนั้น จึงลุ้นว่า ศาลฎีกาฯ นักการเมืองจะสั่งกำชับทนายทักษิณ ให้นำตัวจำเลยมาศาลเพื่อไต่สวนในวันที่ 23 มิ.ย.หรือไม่ ซึ่งต้องรออีกประมาณ 10 วัน และจะได้ประเมินสถานการณ์กันอีกครั้ง
"เรื่องของผมกับทักษิณ จบกันไปตั้งนานแล้ว ไม่ใช่มีอคติกันอยู่ แต่ที่วิจารณ์แสดงความเห็นอยู่นั้น เป็นเรื่องของชาติบ้านเมือง ต้องการให้ยึดหลักถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ดำเป็นดำ ขาวเป็นขาว ถ้ายังทำสวนทางกันแล้ว บ้านเมืองเดินต่อไปไม่ได้ ดังนั้น จึงขอเรียกร้องแพทยสภาให้มีมติยืนการลงโทษจริยธรรมเอาไว้ตามเดิม"
ประเทศไทยต้องมาก่อน