เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2568 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เรื่อง การกระทำที่เข้าข่ายคุกคามสื่อมวลชน ประจำทำทำเนียบรัฐบาล โดยมีเนื้อหาระบุว่า
สมาคมนักข่าวฯ แถลงการณ์ เตือนทีมงานนายกฯ กรณีถ่ายภาพและเผยแพร์ใบหน้าสื่อมวลชนที่ตั้งคำถามาถามปมพิพาท’ไทย-กัมพูชา’ อาจเข้าข่ายคุกคาม สร้างบรรยากาศแห่งความกลัว หวังให้รัฐบาล เคารพเสร็ภาพสื่อ และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำหน้าที่อย่างปลอดภัย
สืบเนื่องจากกรณีที่มีข่าวว่า ทีมงานด้านภาพลักษณ์และสื่อสังคมออนไลน์ของนายกรัฐมนตรีได้บันทึกภาพสื่อมวลชนขณะปฏิบัติหน้าที่ตั้งคำถาม ต่อน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน 2568 ภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ
โดยต่อมา ภาพใบหน้าของผู้สื่อข่าวดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ และปรากฏว่าถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากกลุ่มผู้สนับสนุนนายกรัฐมนตรี เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่นายกรัฐมนตรีแสดงปฏิกิริยาไม่พึงพอใจต่อคำถามของสื่อมวลชนเกี่ยวกับประเด็นเดียวกัน ณ ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดความกังวลใจต่อบรรยากาศในการทำหน้าที่ของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล
สมาคมนักข่าวฯ ขอแสดงความไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องตระหนักถึกถึงผลกระทบของการกระทำที่อาจเป็นการคุกคามต่อเสรีภาพของสื่อมวลชน โดยมีข้อสังเกต ดังนี้
1.การบันทึกภาพสื่อมวลชน เฉพาะเจาะจงระหว่างการตั้งคำถาม ต่อผู้บริหารประเทศ และการเผยแพร่ภาพดังกล่าวต่อสาธารณะ อาจถูกมองว่าเป็นการกดดันหรือข่มขู่ ซึ่งกระทบต่อบรรยากาศการทำงานของสื่อมวลชน และบั่นทอนหลักเสรีภาพในการนำเสนอข่าวสาร และการตั้งคำถามอันเป็นหัวใจของวิชาชีพ ในระบอบประชาธิปไตย
2.พฤติกรรมดังกล่าว ก่อให้เกิดบรรยากาศความหวาดกลัว ในการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อ โดยเฉพาะในการสอบถามประเด็นอ่อนไหว ที่ประชาชนให้ความสนใจ และต้องการคำชี้แจงจากรัฐบาล
3.สมาคมฯ ขอเรียกร้อง ให้ทีมงานนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หยุดพฤติกรรมที่อาจถูกตีความว่า เป็นการคุกคามสื่อมวลชน และขอให้รัฐบาลส่งเสริมเสรีภาพสื่อ โดยสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภั ยและเป็นอิสระในการปฏิบัติงานของสื่อมวลชน
สมาคมนักข่าวฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับบทบาทของสื่อ ในฐานะกลไกตรวจสอบ และกระบอกเสียงของประชาชน พร้อมทั้งขอให้ทุกฝ่าย เคารพเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร และร่วมกันสร้างบรรยากาศ ที่เอื้อต่อการทำงานของสื่อมวลชน อย่างมีคุณภาพและเป็นอิสระ