วันที่ 11 มิ.ย.68 สภากรุงเทพมหานคร จัดนิทรรศการ “สภามหานครแห่งเอเชีย Asia Nexus: The Bangkok Metropolitan Council” เพื่อแสดงผลงานของสภากรุงเทพมหานคร ที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน โดยมี นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงาน และมีสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ฝ่ายบริหารกรุงเทพมหานคร และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม

นายสุรจิตต์ กล่าวถึงบทบาทของสภา กทม. ในการร่วมพัฒนากรุงเทพมหานครว่า คำว่า 'สภามหานครแห่งเอเชีย' สะท้อนภาพของกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงที่เป็นหมุดหมายสำคัญของการท่องเที่ยว จนมีคำกล่าวจากนักท่องเที่ยวบางคนว่า 'ชีวิตนี้ต้องมาให้ได้' เนื่องจาก กรุงเทพฯ มีจุดแข็งที่น่าสนใจด้านวัฒนธรรม ทั้งดนตรี กีฬา ศิลปะ อาหาร และแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะมวยไทย ช่วยสร้างชื่อเสียง สามารถนำไปต่อยอดได้หลายด้าน หรืออาหารต้มยำกุ้ง ซึ่งเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวในวงกว้าง

บทบาทสำคัญตลอด 3 ปีที่ผ่านมา สภา กทม.ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ได้ทำงานอย่างหนักร่วมกับสมาชิกสภา กทม.ทั้ง 50 เขต เพื่อนำปัญหาแต่ละเขตมาอภิปราย เพื่อผลักดันให้เกิดนโยบายในการพัฒนาและแก้ปัญหาจากฝ่ายบริหาร กทม. รวมถึงติดตามตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร กทม. และอนุมัติงบประมาณหรือผลักดันโครงการต่าง ๆ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม จากงบประมาณ กทม.ประมาณ 1 แสนล้านบาทต่อปี หากเทียบสัดส่วนถือว่าไม่มาก เพราะแบ่งเป็นเงินเดือนข้าราชการแล้วประมาณร้อยละ 40 หรือไม่เกิน 4 หมื่นล้านบาทต่อปี ที่เหลือร้อยละ 60 นำไปใช้เกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภคและโครงการต่าง ๆ ของ กทม.

อีกบทบาทสำคัญหนึ่งคือการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้หรือทำข้อตกลงความร่วมมือกับเมืองต่าง ๆ ในหลายประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา โดยสภา กทม. เน้นนำเสนอ Soft Power ของไทย เช่น ดนตรี ศิลปะ อาหาร กีฬา ซึ่งสร้างพลังทางเศรษฐกิจได้ โดยเฉพาะดนตรีไทย อาหารต้มยำกุ้ง ผัดไทย กีฬามวยไทย ซึ่งการสานความสัมพันธ์กับต่างประเทศถือเป็นบทบาทหนึ่งที่สภา กทม.ให้ความสำคัญ เพราะสามารถนำความรู้จากประเทศอื่นมาผลักดันหรือนำเสนอโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อกรุงเทพมหานคร เช่น เรื่องการนำพลังงานไฟฟ้าจากระบบโซลาร์เซลล์มาใช้

นอกจากนี้ สภา กทม.ได้ผลักดันหลักสูตรมวยไทยให้เกิดขึ้นในโรงเรียนสังกัด กทม.อย่างเป็นทางการ โดยเป็นวิชาเลือกในหลักสูตรหลักของการเรียน นักเรียนสามารถเลือกเรียนได้เช่นเดียวกับกีฬาหรือกิจกรรมอื่น ๆ ซึ่งแนวคิดนี้ สอดคล้องกับหลายประเทศที่ส่งเสริมให้เยาวชนเรียนรู้กีฬาประจำชาติ เช่น ประเทศญี่ปุ่นสนับสนุนให้เด็กเรียนยูโด หรือประเทศเกาหลีสนับสนุนให้เด็กเรียนเทควันโด เป็นต้น

นายสุรจิตต์ กล่าวต่อว่า กีฬามวยไทยช่วยฝึกวินัยและความแข็งแกร่งของร่างกาย ทั้งสามารถต่อยอดทางเศรษฐกิจได้ เช่น ชาวต่างชาติเดินทางมาเรียนมวยไทย เพื่อนำใบรับรองไปสอนต่อสร้างรายได้ในประเทศตนเองต่อไป ในทางกลับกัน เด็กนักเรียนที่ทดลองเรียนมวยไทยอาจนำไปต่อยอดเป็นอาชีพหรือสร้างรายได้ในอนาคตได้

"อย่างไรก็ตาม การทำให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่น่าอยู่ หรือการพัฒนากรุงเทพฯ ในมิติต่าง ๆ ไม่สามารถทำได้เพียงหน่วยงานเดียว จำเป็นต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายบริหาร กทม. ฝ่ายนิติบัญญัติ ภาคประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงสื่อมวลชน เพื่อช่วยกันสะท้อนปัญหาและนำเสนอแนวทางแก้ไข ผลักดันให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคนอย่างแท้จริง" ประธานสภา กทม. กล่าว

สำหรับกิจกรรมภายเด่นภายในงานครั้งนี้ ได้แก่ การรับฟังวิสัยทัศน์การพัฒนาสภากรุงเทพมหานคร ตามเป้าหมายให้ กทม. ก้าวสู่การเป็นมหานครแห่งเอเชีย การเปิดเวทีดีเบต "มหานครแห่งเอเชีย สภาแห่งอนาคต" โดยตัวแทนจากสภากรุงเทพมหานคร และ สภาเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร การแสดงมวยไทย ต้นกล้าซอฟต์พาวเวอร์ไทยจากโรงเรียนใน กทม. การนำเสนอผลงานสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและคณะกรรมการสภากรุงเทพมหานคร การเปิดพื้นที่รับฟังความคิดเห็นชาว กทม. เพื่อสะท้อนสู่การทำงานฝ่ายนิติบัญญัติ และเกมร่วมสนุกชิงของรางวัล