ปลื้มปีติ!สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทานเงินเดือนส่วนพระองค์ ให้ทหารชายแดนไทย-กัมพูชา บิ๊กเล็ก รับสถานการณ์ไทย-กัมพูชาดีขึ้นเล็กน้อย ไม่มีการเผชิญหน้า กำลังส่วนอื่นยังอยู่ที่เดิม คงมาตรการเปิด-ปิดด่านตามระยะเวลาต่อ รอถกตัดน้ำ-ตัดไฟ สนธิ-จตุพร ขู่นำมวลชนลงถนน ไม่ขออ่อนข้อให้กัมพูชา
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 ที่วังศุโขทัย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทาน สิ่งของ และเงิน ให้แก่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน
โดยสิ่งของพระราชทาน ประกอบด้วย เงินจากเงินเดือนทหารของพระองค์ พระ และสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับทหารและกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า สถานการณ์ดีขึ้นเล็กน้อยกว่าเมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ยืนยันว่า มาตรการในการปรับระยะเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดนยังคงไว้อยู่ เพราะสถานการณ์ยังคงดีขึ้นเล็กน้อยตรงที่กำลังทั้งสองฝ่ายได้ปรับกำลัง ไม่ได้เผชิญหน้ากัน ถือว่าดีขึ้น เพราะตราบใดที่ยังมีการเผชิญหน้ากันมันมีความเสี่ยงในการปะทะและการใช้อาวุธ ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งสองฝ่าย สุ่มเสี่ยงทั้งกำลังทหารและพี่น้องที่อยู่ชายแดน ส่วนกำลังส่วนอื่นทั้งสองฝ่ายยังอยู่ที่เดิม เพราะฉะนั้น มาตรการควบคุมตามแนวชายเรายังทำต่อไป ซึ่งหลังจากนี้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะมาเปิดเผยอีกครั้งหนึ่งว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงมาตรการตัดน้ำ ตัดไฟ จะเสนอต่อที่ประชุม สมช.อย่างไร พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า คงต้องพิจารณาตามสถานการณ์ ซึ่งเรื่องตัดน้ำตัดไฟ ขณะนี้มีอยู่ 2 เรื่องในเวลาเดียวกัน ทางหน่วยกำลังป้องกันชายแดนต้องการที่จะตัดน้ำ ตัดไฟ แต่ขณะเดียวกัน ทางศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ศอ.ปชด.) ที่มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้อำนวยการต้องการตัดน้ำ ตัดไฟ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการคอลเซ็นเตอร์ จึงขึ้นอยู่กับ สมช.จะพิจารณาว่า จะดำเนินการหรือไม่ อย่างไร เหมาะสมหรือไม่ ที่จะดำเนินการในช่วงนี้
เมื่อถามว่าจะมีส่วนทำให้สถานการณ์ชายแดนกลับมาตึงเครียดอีกรอบหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ก็เนี่ย ก็ต้องช่วยกันพิจารณาไง ที่ผ่านมาไม่ได้แค่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งทำคนเดียว ทั้งสมช.และรัฐบาลหารือกันในวงเล็ก
พล.อ.ณัฐพลยังขอชี้แจงกับสื่อว่า ขอให้ได้ความเห็นใจ เพราะการเจรจา การพูดคุย ถ้าเรามาพูดก่อนจะทำให้เขารู้ว่า เราคิดอะไร จะทำอะไร เพราะฉะนั้น บางครั้งก็ไม่ได้พูด ซึ่งการไม่ได้พูดนี่แหละทำให้ประชาชนหรือสื่อมวลชนตัดพ้อต่อว่า รัฐบาลนิ่งเฉย ช้าไป แต่ถ้าเราพูดก่อน เขาก็รู้ก่อน เปรียบเสมือนการแข่งขันกีฬาฟุตบอล ฟุตบอลไทยแข่งกับกัมพูชา สื่อจะมาถามว่า จะส่งผู้เล่นคนไหนลง ถามหมดเลย แต่ไม่มีใครไปถามทีมกัมพูชาว่า เขาจะจัดทีมอย่างไร ฉะนั้นฝ่ายความมั่นคงเวลาที่จะคิดทำอะไร ลำบากตรงนี้
ต้องขอความเห็นใจจริงๆ ความมั่นคง การทหาร จะต่างกับด้านเศรษฐกิจและด้านอื่นๆ ซึ่งสามารถชี้แจงก่อน แต่ด้านการทหารบางครั้งถ้าเราพูดก่อนอาจเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ การเจรจาต่อรองกับต่างประเทศ ถ้าเราบอกหมดทางนั้นจะทราบหมดว่า เราคิดอย่างไรรมช.กลาโหมกล่าวและว่า ส่วนที่มีผู้รู้และนักการทหารออกมาพูดหลายคนนั้น การที่ออกมาพูดทำให้ทางฝ่ายกัมพูชาพอเดาออกว่า กองทัพทำอะไรอยู่ ตรงนี้ในส่วนที่ตนรับผิดชอบก็รู้สึกหนักใจเล็กน้อย แต่ไม่เป็นไร ในยุคปัจจุบันเป็นเรื่องของข้อมูลข่าวสาร โปร่งใส เราต้องแสดงความโปร่งใส และต้องใช้ฝีมือมากขึ้น ตนได้ให้กำลังใจน้องๆ ในกองทัพว่า เราต้องเป็นกองทัพภายใต้ประชาธิปไตย ภายใต้สังคมข้อมูลข่าวสาร เราจะไม่เหมือนเก่าที่สมัยก่อนทุกอย่างเป็นความลับ เขาจะไม่รู้ว่า เราทำอะไรบ้าง มีกำลังและอาวุธอะไรบ้าง แต่สมัยนี้ต้องพูดก่อน ในส่วนที่ตนรับผิดชอบพยายามจะไม่พูด หรือพูดให้น้อยที่สุด เพื่อที่เราพยายามรักษาความลับ ซึ่งความลับไม่ได้หมายความว่า ไม่ได้ไว้ใจสื่อหรือประชาชน เพียงแต่ว่า เราต้องการให้มีความได้เปรียบอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็เข้าใจสื่อและประชาชนว่า อยากรู้ว่า จะทำอย่างไร
เมื่อถามถึงกรอบการประชุมเจบีซีในวันที่ 14 มิถุนายน จะนำเรื่องพื้นที่ที่กัมพูชาจะนำขึ้นไปศาลโลกหารือด้วยหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกระทรวงการต่างประเทศ ตนไม่ขอก้าวล่วง ตนรับผิดชอบในเรื่องของความมั่นคง
ที่ศูนย์ร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน พร้อมด้วยกลุ่มแนวร่วมที่สนับสนุน รวมถึงนักวิชาการและประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดินจำนวนมาก เช่น นายจตุพร พรหมพันธุ์ หม่อมหลวงวัลย์วิภา จรูญโรจน์ นายวีระ สมความคิด นายนิติธร ล้ำเหลือ นายพิชิต ไชยมงคล เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ นายใจเพชร กล้าจน นายคมสัน โพธิ์คง นายประพันธ์ คูณมี ฯลฯ ทยอยเดินทางมารวมตัวเพื่อ แสดงจุดยืนปกป้องอธิปไตยกรณีความขัดแย้งตามแนวชายแดนกับกัมพูชา
ทั้งนี้ นายสนธิ และคณะ ได้ยื่นหนังสือผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ถึง น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรี เพื่อให้รัฐบาลดำเนินการปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเป็นรูปธรรม โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงสาย มีบรรดาผู้สนับสนุนเดินทางมาร่วม อาทิ กลุ่มแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมกับป้ายข้อความแสดงจุดยืนต่างๆ อาทิ การยกเลิก MOU43 และ MOU44 ที่ไม่จำเป็นต้องมี รวมถึงการเพิกถอน JC 2544
"ผมยืนยันถึงเวลาที่ต้องปกป้องอธิปไตยไทย และทำให้รัฐบาลชั่วช้า จะลงถนนตนไม่ขัดข้องถึงอายุ 78 ปี จะเป็นการลงครั้งสุดท้ายก่อนตายตนก็ยินดี และเชื่อว่าประชาชน หรือว่าทุกคนบนโต๊ะนี้ร่วมกับผมแน่ และขอฝากถึง นายกฯแพทองธาร นายภูมิธรรม นายทักษิณ ประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอย เรามาเตือนรัฐบาล ใครก็ตามที่มีเจตนาใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ในการเจรจาทวิภาคี คือการสละอธิปไตย เป็นกบฏ 20 ปีที่ทำเรื่องนี้มา เรามีหลักฐานว่าความผิดสำเร็จแล้ว เราไม่อยากสิ้นชาติ สิ้นรัฐบาลไม่เป็นไร" นายสนธิ กล่าว