ยังคงตะลุมบอนกันอย่างดุเดือด ระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงกับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของทางการนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งดำเนินมาตั้งแต่ช่วงค่ำของปลายสัปดาห์ที่แล้ว ถึง ณ ชั่วโมงนี้

โดยเหตุไฟม็อบที่ปะทุขึ้น ก่อนลุกลามโหมไหม้อย่างรุนแรงตามมา ก็เกิดขึ้นจากกระแสความไม่พอใจอย่างรุนแรง ต่อปฏิบัติการกวาดจับผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายในนครลอสแอนเจลิส เมื่อวันศุกร์สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามนโยบายกวาดล้างและเนรเทศผ้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายเหล่านี้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ที่ได้ประกาศท่าทีในระหว่างที่เขาเริ่มรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาแล้ว

ผู้ประท้วงหญิงรายหนึ่ง ยืนประจันหน้ากับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของนครลอสแอนเจลิส (Photo : AFP)

และเมื่อนายทรัมป์ เสร็จสิ้นพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง เข้าสู่ทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในฐานะประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศ ก็เริ่มแผลงฤทธิ์ พ่นพิษ สำแดงเดชต่อการดำเนินนโยบายกวาดล้างผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายเหล่านี้กันตั้งแต่วันแรกที่นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีในทำเนียบขาวกันเลยทีเดียว โดยเป็นหนึ่งในคำสั่งฝ่ายบริหารที่เขาได้ลงนามไป

โดยอ้างเหตุผลว่า เพื่อรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดนของเรา

ก่อนเริ่มลุยมาตรการต่างๆ เพื่อดำเนินนโยบายกวาดล้างผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายข้างต้น อาทิเช่น

การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติในพื้นที่ชายแดนสหรัฐฯ – เม็กซิโก อันเป็นพื้นที่ที่เหล่าผู้อพยพจากประเทศต่างๆ ในย่านอเมริกากลาง และทวีปอเมริกใต้ หรือละตินอเมริกา ลอบเข้าไปในดินแดนสหรัฐฯ

การออกคำสั่งให้ส่งเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายต่างๆ ทั้งตำรวจ ทหาร รวมไปจนถึงกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ ไปประจำการ เสริมความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนสหรัฐฯ

การส่งเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ออกไปกวาดจับผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายในพื้นที่ต่างๆ โดยมุ่งเป้าไปที่สถานประกอบการทั้งหลาย ที่รับบุคคลเหล่านี้เข้าทำงาน และมีหลักแหล่งแน่ชัด หลังจากนั้นก็ดำเนินเนรเทศผู้ลักลอบเข้าเมืองเหล่านี้ออกไปจากสหรัฐฯ

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า ผู้ถูกปฏิบัติบางราย เกิดความผิดพลาดในการดำเนินการกันก็มี เช่น กรณีของนายคิลมาร์ อาเบรโก การ์เซีย ซึ่งถูกเนรเทศจากรัฐแมริแลนด์ ไปยังเรือนจำขนาดใหญ่ในประเทศเอลซัลวาดอร์ ซึ่งเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา จนทางศาลฎีกาของสหรัฐฯ มีคำตัดสินว่า ให้รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ เร่งอำนายความสะดวกเพื่อที่จะทำให้นายการ์เซีย ได้รับอิสรภาพ และนำตัวกลับประเทศสหรัฐฯ

ทว่า แม้มีความผิดพลาดเกิดขึ้น แต่รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ ยังคงลุยกวาดจับผ้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายในเมืองตามรัฐต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงที่นครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งถูกยกให้เป็นอีกหนึ่งเมืองของสหรัฐฯ ที่บรรดาผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายจากภูมิภาคต่างๆ รวมถึงเอเชียเรา ลักลอบเข้าไปอยู่ในนครแห่งนี้

โดยปฏิบัติการกวาดล้างผู้อพยพฯ ในนครลอสแอนเจลิส เริ่มทวีความเข้มข้นมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาแล้ว โดยเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย พุ่งเป้าไปที่สถานประกอบการต่างๆ อีกเช่นเคย และเป็นสำคัญอีกต่างหากด้วย

ตำรวจปราบจลาจลยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม (Photo : AFP)\

จากความเข้มข้น สู่ทะลุจุดเดือด เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองและศุลกากรแห่งสหรัฐฯ หรือไอซีอี ได้จับกุมผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายเหล่านี้ ไม่น้อยกว่า 44 ราย ก่อนเดินหน้าล้างบางกวาดจับต่อไปอย่างต่อเนื่อง จนเกิดกระแสความไม่พอใจอย่างรุนแรงขึ้น ได้พากันประท้วงต่อต้านในนครลอสแอนเจลิส

ก่อนที่การชุมนุมประท้วงลุกลามขยายวง จากม็อบต่อต้านการกวาดจับผู้อพยพฯ ก็บานปลายกลายม็อบจลาจลขึ้น

จากการที่บรรดาม็อบผู้ประท้วงเหล่านั้น ใช้อาวุธใกล้ตัว เช่น ก้อนหินขว้างปาเข้าใส่เจ้าหน้าที่ฯ ขณะที่ เจ้าหน้าที่ฯ ก็ยิงทั้งแก๊สน้ำตา และกระสุนยาง เข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม โดยมีรายงานว่า ผู้สื่อข่าวชาวออสเตรเลียรายหนึ่ง ถูกลูกหลงเป็นกระสุนยางยิงเข้าใส่

กลุ่มผู้ชุมนุมหาที่กำบังจากกระสุนยางที่เจ้าหน้าที่ฯ ยิงเข้ามา (Photo : AFP)

โดยม็อบผู้ประท้วงในนครลอสแอนเจลิส ยังได้สร้างความวุ่นวายอื่นๆ อีกสารพัด ทั้งเผารถยนต์ที่จอดบน

ท้องถนน การทุบทำลายข้าวของต่างๆ รวมไปถึงการปล้นสะดมร้านค้าต่างๆ

เมื่อสถานการณ์ม็อบได้ลุกลามกลายเป็นไฟจลาจเช่นนี้ ก็ส่งผลให้ประธานาธิบดีทรัมป์ ต้องมีคำสั่งให้ส่งกำลังพลของกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ มาดูแลรักษาการณ์ในพื้นที่นครลอสแอนเจลิส ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ ได้สั่งให้ระดมกำลังพลดังกล่าว มายังนครลอสแอนเจลิสถึง 2,000 นาย เลยทีเดียว เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย เข้าควบคุมสถานาการณ์ชุมนุมประท้วงในนครลอสแอนเจลิส (Photo : AFP)

ทั้งนี้ หากสถานการณ์ม็อบจลาจลยังไม่ยุติ คือ กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ก็จะให้ทางกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ หรือเพนตากอน ระดมพลทหารประจำการ คือ เอาทหารจริงๆ มาคุมพื้นที่ และถ้าพลทหารประจำการเหล่านั้น ยังไม่สามารถสยบม็อบจลาจลได้ ก็ถึงคราวที่จะให้หน่วยนาวิกโยธิน อันเป็นหน่วยรบที่แข็งแกร่งระดับเบอร์ต้นๆ ของโลกมาลุยกับม็อบกันให้รู้แล้วรู้รอด

ก็สร้างความไม่พอใจให้แก่พ่อเมือง ในฐานะผู้ปกครองท้องถิ่น อย่างนายเกวิน นิวซอม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย สังกัดพรรคเดโมแครต โดยได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ต่อรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่งส่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งไม่ผิดอะไรกับการกระพือโหมไฟม็อบให้เป็นสถานการณ์ที่รุนแรงใหญ่โต และว่า ทางการท้องถิ่น ภายใต้การปกครองของตน ก็เพียงพอที่จะรับมือ จัดการกับสถานการณ์แล้ว

เจ้าหน้าที่ฯ รวบตัวผู้ชุมนุมที่ขัดขืน โดยมีรายงานว่า ผู้ชุมนุมประท้วงถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวไปแล้วนับร้อยราย (Photo : AFP)

นอกจากนี้เหตุไฟม็อบจลาจลจากนครลอสแอนเจลิส หรือแอลเอ ก็ยังได้จุดพลุปลุกกระแสวิพากษ์วิจาณ์อย่างดุเดือด ระหว่างนักการเมืองของพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกัน ในสภาคองเกรส หรือรัฐสภาสหรัฐฯ แน่นอนว่า พลพรรคเดโมแครตดาหน้าออกมาต่อต้านประณามประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ส่งกองกำลังดังกล่าวเข้าไปจัดการม็อบ ขณะที่ ทางฝั่งรีพับลิกัน ก็สนับสนุนต่อนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อสร้างเสถียรภาพให้บังเกิดแก่ประเทศ และไม่ถือว่า ทำเกินกว่าเหตุแต่ประการใด