บรรยากาศจุดผ่อนปรนการค้าชายแดน "ช่องสายตะกู" จ.บุรีรัมย์ หลังมีคำสั่งปรับลดวันเวลาเปิด-ปิด จากปกติ 7 วัน เหลือสัปดาห์ละ 3 วัน วันแรกเงียบเหงามีประชาชนทั้งฝั่งไทยและกัมพูชาข้ามไปมาซื้อขายสินค้าบางตา คาดยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ วอนรัฐเร่งเจรจาหาข้อยุติให้กลับสู่ภาวะปกติ
จากกรณีแม่ทัพภาค 2 ได้ลงนามในคำสั่ง เรื่องการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่รับผิดชอบ ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.68 เพื่อความปลอดภัยของประชาชน จากเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาที่บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานีนั้น
ล่าสุดวันที่ 10 มิ.ย.68 บรรยากาศที่จุดผ่อนปรนการค้า "ช่องสายตะกู" ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับช่องจุ๊บโกกี อ.บันเตียอัมปึล จ.อุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งจากเดิมที่เคยเปิดให้ประชาชนของทั้งสองประเทศเดินทางเข้า-ออก ซื้อขายสินค้าเพื่อการอุปโภค บริโภค ได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. ภายหลังมีคำสั่งปรับลดวันเวลาเปิด-ปิดด่านเหลือแค่สัปดาห์ละ 3 วัน คือ วันอังคาร-พุธ-พฤหัสบดี เวลา 09.00-12.00 น. ซึ่งหลังจากมีคำสั่งปรับลดวันเวลาวันนี้ซึ่งเป็นวันแรกที่กลับมาเปิดให้ประชาชนข้ามไปซื้อขายสินค้า
โดยฝั่งไทยได้เปิดประตูตามคำสั่งในเวลา 09.00 น. แต่ฝั่งกัมพูชาเปิดประตูเวลา 10.00 น. จากนั้นก็มีประชาชนทั้งสองฝั่งข้ามไปมา เพื่อซื้อสินค้า แต่ก็เงียบเหงากว่าปกติอาจเพราะยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ แม้จะมีการเจรจาปรับกำลังทหารกลับไปยังที่ตั้งเดิมแล้วก็ตาม โดยจากการตรวจสอบพบว่าส่วนใหญ่จะเป็นชาวไทยมากกว่าที่ข้ามฝั่งไป บางส่วนก็ข้ามไปซื้อของ แต่บางคนก็ข้ามไปบ่อนกาสิโน ที่ตั้งอยู่ห่างจากจุดผ่านแดนประมาณ 200-300 เมตร ซึ่งทางการอนุญาตให้เฉพาะชาวอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ สามารถข้ามจุดผ่อนปรนช่องสายตะกูดังกล่าวได้เท่านั้น ส่วนอำเภออื่นหรือจังหวัดอื่นยังไม่อนุญาตให้ข้ามเนื่องจากยังเป็นจุดผ่อนปรน
ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ก็ได้มีการเฝ้าดูแลความสงบเรียบร้อย มีการตรวจตราบุคคลสิ่งของที่ผ่านเข้า-ออก อย่างเข้มงวด
ด้านประชาชนชาวอำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ที่ข้ามไปซื้อสินค้าที่ฝั่งกัมพูชาในวันนี้ บอกว่า ก็ยังรู้สึกกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จะข้ามไปซื้อของก็ต้องรีบไปรีบกลับ เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะการเข้าไปหาของป่าช่วงนี้ก็ไม่กล้าไปหาเหมือนเมื่อก่อน ก็อยากให้รัฐบาลหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเร่งเจรจาหาข้อยุติให้ประชาชนทั้งสองฝั่งข้ามไปมา และใช้ชีวิตเป็นปกติเหมือนเดิม