"พาสเทล เฮลตี้ ฟาร์ม ขอนแก่น" ฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีด-แมงสะดิ้งสร้างรายได้สู้เศรษฐกิจ รายได้ดี-ลูกค้าจองล่วงหน้าตลอดปี
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 10 มิถุนายน 2568 ที่“พาสเทล เฮลตี้ ฟาร์ม” ฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีดและแมงสะดิ้งในพื้นที่ บ.แสนตอ ม. 8 ต.บัวใหญ่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างของการประกอบอาชีพที่สามารถเลี้ยงชีพได้จริง และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับเกษตรกรหรือผู้ที่สนใจหันมาเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจเพื่อสร้างรายได้ในยุคที่ต้นทุนการเกษตรและค่าครองชีพปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ของนางหนูค่าย ศรีบุญเรือง อายุ 53 ปี เจ้าของฟาร์มฯ กล่าวว่า การเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจอย่างจิ้งหรีดและแมงสะดิ้งไม่ใช่เรื่องยาก ปัจจุบันมีหัวอาหารสำเร็จรูปจำหน่ายเป็นสูตรเฉพาะตั้งแต่ระยะฟักตัวไปจนถึงช่วงออกไข่ ช่วยให้การเลี้ยงเป็นระบบ และควบคุมคุณภาพได้ดี ทำให้สามารถสร้างรายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้เป็นอย่างดี เพราะความต้องการของตลาดมีสูงมาก ลูกค้าหลายรายสั่งจองไว้ล่วงหน้า หากแมลงโตพร้อมขายก็จะโทรแจ้งให้ลูกค้ามารับถึงที่ สำหรับราคาจำหน่ายในปัจจุบัน แมงสะดิ้งขายทั้งปลีกและส่งในราคากิโลกรัมละ 100–120 บาท ส่วนจิ้งหรีด ราคาส่ง กก.ละ 120 บาท ราคาปลีกอยู่ที่ 150–200 บาท ซึ่งถือเป็นราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเฉลี่ยประมาณ 20 บาทต่อ กก. ทั้งนี้ในช่วงฤดูหนาว ราคาจะสูงขึ้นอีก เนื่องจากต้องใช้เวลาเลี้ยงนานกว่าปกติ โดยในฤดูหนาวจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ขณะที่ฤดูอื่นๆใช้เวลาประมาณ 1 เดือนเท่านั้น
"กลุ่มลูกค้ามีความหลากหลาย ทั้งกลุ่มที่ซื้อนำไปประกอบอาหารประเภทคั่ว ทอดขายตามตลาดนัด บางรายสามารถขายได้วันละ 20–30 กก. นอกจากนี้ยังมีลูกค้าที่รับไปขายต่อในรูปแบบแมลงสดหรือแบบน็อกเพื่อจำหน่ายในตลาด รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่ซื้อไปใช้เป็นเหยื่อตกปลา ซึ่งในช่วงนี้ถือเป็นฤดูที่ข้าวกำลังเจริญเติบโต ทำให้มีชาวนาจำนวนมากที่หันมาตกปลาเพื่อเป็นรายได้เสริม จึงมีความต้องการเหยื่อตกปลามากเป็นพิเศษ และปัจจุบันในหมู่บ้านแสนตอมีครอบครัวที่เลี้ยงจิ้งหรีดและแมงสะดิ้งเพื่อจำหน่ายอยู่ 3 ครอบครัว โดยลูกค้าจะหมุนเวียนกันซื้อจากแต่ละราย
ซึ่งต่างก็เลี้ยงแบบแบ่งรุ่น หากครอบครัวใดแมลงโตพร้อมขาย ลูกค้าก็จะซื้อจากเจ้านั้น และเมื่อหมดรุ่นก็จะเป็นรอบของอีกครอบครัวหนึ่ง ทำให้สามารถมีรายได้ต่อเนื่องเพียงพอสำหรับยังชีพในแต่ละเดือน และสามารถจำหน่ายได้ตลอดทั้งปี และแม้จะสามารถขายได้ตลอดปี แต่ในช่วงฤดูหนาวราคาจะสูง เพราะใช้เวลาเลี้ยงนานกว่าฤดูทั่วไป บางเดือนลูกค้ามีความต้องการสูงแต่เราก็เลี้ยงไม่ทัน ก็ต้องรอให้จิ้งหรีดหรือแมงสะดิ้งโตพอจนสามารถขายได้ หรือบางครั้งลูกค้าก็จะไปซื้อจากหมู่บ้านอื่นก็มี"
นางหนูค่าย กล่าวต่อว่า เดิมบ้านแสนตอเคยเป็นหมู่บ้านที่มีการเลี้ยงจิ้งหรีดเกือบทุกหลังคาเรือน แต่ปัจจุบันจำนวนผู้เลี้ยงลดลง เนื่องจากผู้สูงอายุไม่สามารถดูแลการเลี้ยงได้ต่อเนื่อง อีกทั้งบางรายไม่สามารถสู้ราคาหัวอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นได้ จึงเหลือเพียงสามครอบครัวในปัจจุบันที่ยังคงดำเนินกิจการเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจในหมู่บ้าน หากใครสนใจสั่งซื้อสามารถสั่งสินค้าได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 080-7661808