นายกฯแพทองธาร ลงพื้นที่กาญจนบุรีติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำกินน้ำใช้ โครงการน้ำบาดาลขนาดใหญ่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ เพื่อนำไปขยายผลไปยังพื้นที่ใกล้เคียงและจังหวัดอื่น ๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของ ปชช. ในทุกพื้นที่

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 9 มิ.ย.68 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาที่จังหวัดกาญจนบุรีเพื่อติดตามโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ไขปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ บ้านปากชัดหนองบัว ตำบลหนองฝ้าย อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี โดยมี นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ให้การต้อนรับ และนายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล รายงานปัญหาภัยแล้งและการจัดหาน้ำบาดาลในพื้นที่ฯ พร้อมด้วย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต  ผบช.ภ.7 ว่าที่ร้อยตรี ศุภมงคล บูชาถ่ายเทศ นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช นายสิทธิวีร์ วรรณพฤกษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาญจนบุรี หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และประชาชนชาวอำเภอเลาขวัญ ร่วมให้การต้อนรับฯ

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินชมนิทรรศการการจัดการน้ำบาดาลในพื้นที่ และโครงการน้ำบาดาลอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รวมถึงระบบผลิตน้ำบาดาลและจุดบริการน้ำแร่ หลังจากนั้นรับชมวีดิทัศน์ และการจัดการน้ำบาดาลในพื้นที่และรับฟังรายงานปัญหาภัยแล้งและการจัดหาน้ำบาดาลในพื้นที่ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ต้นแบบของโครงการฯ ซึ่งเดิมประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเป็นเวลาหลายสิบปี และเป็น 1 ใน 5 อำเภอของจังหวัดกาญจนบุรี ได้แก่ อำเภอ เลาขวัญ , ห้วยกระเจา บ่อพลอย , หนองปรือ และพนมทวน ที่ได้ชื่อว่าเป็น “อีสานภาคกลาง” เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นพื้นที่ราบเชิงเขา และเป็นพื้นที่เงาฝน ไม่มีระบบชลประทาน ประชาชนในตำบลหนองฝ้ายต้องจ้างรถบรรทุกน้ำสำหรับใช้อุปโภคบริโภคทำให้มีค่าใช้จ่ายมากกว่า 5 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งปัจจุบัน ทำให้ประชาชนในพื้นที่ตำบลหนองฝ้าย ได้รับความเดือดร้อนกว่า 2,767 ครัวเรือน และพื้นที่บางส่วนของตำบลหนองโสน มีน้ำสะอาดเพื่อการอุปโภค-บริโภค และลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนจากการซื้อน้ำอีกด้วย

จากนั้น เวลา 12.20 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ไขปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ระยะที่ 2 บ้านหนองบัวหิ่ง ตำบลสระลงเรือ อำเภอห้วยกระเจา พร้อมทั้งเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ OTOP ของอำเภอห้วยกระเจา ชมนิทรรศการความเป็นมา ปัญหาและอุปสรรคในพื้นที่ หลังจากนั้น ได้รับฟังรายงานโครงการน้ำบาดาลอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ซึ่งปัจจุบันโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ระยะที่ 2 บ้านหนองบัวหิ่ง สร้างประโยชน์แก่ประชาชน 15 หมู่บ้าน ครอบคลุม ประมาณ 3,000 ครัวเรือน ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ที่ช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้งให้กับประชาชนในพื้นที่ ให้มีน้ำอุปโภคบริโภคและน้ำเพื่อการเกษตรมากขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาวิกฤตภัยแล้ง รวมทั้งความต้องการใช้น้ำเพื่ออุปโภค-บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังช่วยอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำบาดาลในพื้นที่หาน้ำยากอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นคงด้านน้ำให้ประชาชนในพื้นที่ได้อย่างสมดุลและยั่งยืนต่อไป

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า "สำหรับงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านทรัพยากรน้ำ เนื่องจากเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงให้กับประชาชนทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว ไม่ใช่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าเท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมความมั่นคงและความยั่งยืนในอนาคตด้วย รัฐบาลพร้อมสนับสนุนโครงการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อสามารถขยายผลไปยังพื้นที่ใกล้เคียงและจังหวัดอื่น ๆ ได้รับประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงเพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชนในทุกภูมิภาคของประเทศอย่างยั่งยืน พร้อมย้ำการดำเนินงานให้มีความยั่งยืน จำเป็นต้องพิจารณาเรื่องต้นทุนด้านพลังงานควบคู่กัน โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าสำหรับการสูบน้ำ มีแนวโน้มสูงขึ้นและเป็นภาระของชุมชนในระยะยาว โดยได้อนุมัติงบประมาณผ่านกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อสนับสนุนการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโซลาร์เซลล์ ซึ่งจะเข้ามาช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของชุมชน และเสริมสร้างความยั่งยืนของโครงการน้ำบาดาลในพื้นที่" และคาดว่าระบบพลังงานทางเลือกดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการได้ในอนาคตอันใกล้นี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตของประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นน้ำ อาหาร ยารักษาโรค หรือที่อยู่อาศัย และจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงสิ่งจำเป็นเหล่านี้อย่างทั่วถึงและเพียงพอ”