วันที่ 9 มิ.ย.2568 เวลา 13.15 น.ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่วุฒิสภาเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อให้รัฐบาลชี้แจงและรับฟังความเห็นต่อประเด็นข้อพิพาทดินแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ว่า ยินดี เพราะถือเป็นความร่วมมือระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหาร

เมื่อถามถึงกรณีที่กัมพูชาส่งหนังสือถึงไทยเพื่อนำข้อพิพาทขึ้นศาลโลก นายวิโรจน์ กล่าวว่า กัมพูชาไม่มีความชอบธรรมที่จะทำเรื่องดังกล่าว เนื่องจากประเทศไทยไม่ใช่ฝ่ายที่ละเมิด MOU 43 ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือที่ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาลงนามร่วมกันโดยสมัครใจ ดังนั้นรัฐบาลไทยต้องมองสถานการณ์ให้ออก นอกจากนี้ตนสนับสนุนมาตรการที่ชัดเจนของรัฐบาลไทยต่อการสร้างแรงจูงใจให้กัมพูชาเข้าสู่โต๊ะเจรจา โดยต้องยืนในระยะยาวให้ได้ ทั้งนี้ตนมองว่ารัฐบาลไทยควรพิจารณาและอนุมัติกรอบวงเงินในงบกลางเพื่อเยียวยาผู้ประกอบการคนไทย และประชาชนแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบ เพราะตนเชื่อว่าต้องยืนระยะกดดัน และต้องพร้อมทำตลอดไป หากรัฐบาลกัมพูชาไม่เจรจา

“ผมยืนยันรัฐบาลกัมพูชา ละเมิดเอ็มโอยู 43 และเป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบธรรรม ดังนั้นรัฐบาลไทยต้องดำรงความชอบธรรมด้วยสันติวิธี คลี่คลายสถานการณ์ รวมถึงทำมาตรการอื่นๆ เพื่อจูงใจให้รัฐบาลกัมพูชาเข้าใจสถานการณ์ และเข้าร่วมโต๊ะเจรจาอย่างสมเหตุสมผลที่เป็นจริงได้

โดยประเทศไทยไม่มีข้อเรียกร้องใหม่ หรือข้อเสนอที่กัมพูชารับไม่ได้ และขอให้กลับมาที่ MOU 43 ยืนยันความชอบธรรม โดยไม่ใช้กำลัง ปะทะโดยไม่จำเป็น เพราะจะกลายเป็นข้ออ้างที่กัมพูชาจะใช้บั่นทอนความชอบธรรม” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่าการเดินเกมระยะยาว โดยไม่ใช้กฎอัยการศึก เพราะกองทัพมีอำนาจเฉพาะเรื่องความมั่นคงและพื้นที่ แต่รายละเอียดยังมีมาตรการทางการทูต การคลัง ซึ่งกฎอัยการศึกไม่ได้ให้อำนาจกองทัพไว้ ดังนั้นน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯต้องเร่งอนุมัติงบกลางเพื่อเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของไทย