อุดรธานี หนุ่มใบ้ช้ำใจถูกผู้บ่าวส่ำน้อยยืมทอง 5 บาท ใส่ขันหมั้น 1 ปีจะแต่ง สุดท้ายเชิดหนี หนุ่มโต้หนังคนละม้วน

อีกแล้วหมั้นแล้วไม่แต่งจากคู่รักเป็นคู่กรณีกันเลย แต่ครั้งนี้เป็นคู่ชายรักชาย ที่อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี หนุ่มใบ้สายเปย์รุ่นใหญ่ขายล็อตเตอร์รี่ที่คำชะโนด สุดช้ำใจถูกผู้บ่าวส่ำน้อยขอยืมทอง 5 บาทหลอกใส่พานหมั้นอ้างจะถ่ายรูปให้แม่ดู จากนี้ไปรักเราสองคนรักกันชั่วฟ้าดินสลายโลกถล่มทะลาย ผู้บ่าวหยอดหวานหมั้นแล้วจะคืนทองให้แต่งแน่ขอ 1 ปี สุดท้ายเชิดทองหนี หนุ่มใบ้ทวงถามดันเอาทองปลอมมาคืนให้ หนุ่มใบ้แทบขาดใจและช็อคบุกทวงถามถึงที่ทำงาน โดนทำร้ายจนฟันโยกเท้าเหยียบหน้าอก ผู้บ่าวส่ำน้อยบอกทองจริงเอาไปแปรสภาพแล้ว หนุ่มใบ้ไม่ทนแจ้งความฉ้อโกง ด้านผู้บ่าวส่ำน้อยเปิดใจ หนังคนละม้วนเขามาทักจีบ อยากได้เราจนตัวสั่น เปย์หมดหน้าตัก ทอง 5 บาทไม่เคยทำพิธีหมั้น เขาให้ด้วยเสน่หา ครั้งแรกที่รู้จักกัน บอกว่าชอบทักมาขอซื้อบริการด้วย ตอนนี้ไม่สะดวกให้ข้อมูลนักข่าวเยอะ ขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น

วันนี้ (8 มิ.ย.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี นายสุพันธ์ อายุ 46 ปี หรือชื่อเล่น “เตี้ย” อาชีพขายล็อตเตอร์รี่ที่คำชะโนด ได้ร้องความเป็นธรรมกับนักข่าว แจ้งว่า ถูกผู้บ่าวส่ำน้อย ชื่อนายก๊อปปี้ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี ชาว ต.บ้านชัย อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี หลอกให้ถอดสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท และเลสข้อมือทองคำหนัก 2 บาทรวมเป็น 5 บาท ใส่พานหมั้น เพื่อจะส่งรูปถ่ายให้แม่ดูว่ารักแท้มีอยุ่จริง หลังจากทำพิธีหมั้นแล้ว จากนั้น 1 ปีจะมาทำพิธีสู่ขอแต่งเป็นเรื่องเป็นราว รักครั้งนี้จริงใจไม่จริงโจ้แน่นอน จะประกาศให้โลกรู้ว่ารักสองเราสองคนเป็นรักแท้มีอยู่จริง จะรักกันชั่วฟ้าดินสลายโลกถล่มทะลาย โดยพิธีหมั้นทำเงียบๆ เพียง 2 คนคือเตี้ยและนายก๊อปปี้ ที่ห้องเช่าของนายก๊อปปี้ในอ.บ้านดุง เมื่อวันที่ 20 เม.ย.68 ที่ผ่านมา โดยในพานหมั้น มีดอกไม้ มีเงินสดจำนวน 8,000 บาท วางเรียงใส่พานเงิน มีสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท,เลสข้อมือทองคำหนัก 2 บาท รวมมูลค่าประมาณ 250,000 บาทเศษ จากนั้นนายก๊อปปี้ก็ถ่ายรูปส่งให้แม่ดู แต่พอพิธีหมั้นเสร็จ นายก๊อปปี้ขอทองใส่คอและเลสขอใส่มือเพื่อความเป็นศิริมงคลให้เจ้าบ่าวไปสักระยะก่อน สุดท้ายไม่ยอมคืนทองให้ นายเตี้ยทวงถามกลับเอาทองปลอมมาคืนให้ นายเตี้ยเจ็บใจบุกทวงถามถึงที่ทำงานอีกครั้งกลับถูกนายก๊อปปี้ทำร่างกายอาการปางตาย นายเตี้ยจึงไปแจ้งกับกับ พ.ต.ท.พิษณุ สุริยะ สว.(สอบสวน) สภ.บ้านดุง เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายก๊อปปี้ เพราะอยากให้ทองคืน ถึงกับร้องไห้อยากได้ทองคืนเพราะเป็นเงินที่ขายล็อตเตอร์รี่เก็บหอมรอมริบมาหลายปีกว่าจะซื้อทองมาได้

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนายเตี้ย ที่พิการเป็นใบ้และหูไม่ค่อยได้ยิน ต้องใช้ภาษามือพูดคุยกัน พร้อมกับนำแชทที่พูดคุยกับนายก๊อปปี้ให้ดูว่า พูดคุยกันอย่างไรบ้าง โดยในแชทก็จะมีคำพูดรักๆ หลังจากหมั้นแล้ว 1 ปีแต่งงานแน่นอน บางแชทมีข้อความห่วงใยกัน รักๆ ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ ทานข้าวนะ พักผ่อนนะ มีภาพถ่ายรูปคู่กันอย่างหวานชื่น นั่งทานข้าวด้วยกัน  แต่พอเกิดเรื่องก็มีการด่ากัน โดยนายก๊อปบอกไม่คืนทองให้แล้ว เอาทองจริงไปแปรสภาพแล้ว เจอกันในชั้นศาลแล้วกัน

นายเตี้ยใช้ภาษามือบอกนักข่าวว่า รู้จักนายก๊อปปี้มาเกือบ 1 ปี ก็ไปมาหาสู่กัน ไปเล่นที่ห้องพัก ซื้อข้าวไปฝาก ไม่มีเงินก็โอนให้ใช้จ่าย ก็รักกันดี แต่พอมาวันที่ 20 เม.ย.นายก๊อปปี้บอกว่า ขอยืมสร้อยคอทองคำและเลสทองคำใส่พานหมั้น เพื่อจะได้ส่งไปให้แม่ว่าเรารักกันจริง พอทำพิธีหมั้นทำกันสองคนในห้องเสร็จ นายก๊อปปี้ขอยืมทั้งสร้อยคอทองคำและเลสทองคำใส่ไว้ในตัวเพื่อความเป็นศิริมงคลสักระยะ แล้วจะให้คืน แต่พอนานๆ ไปนายก๊อปปี้กลับไม่ให้ทั้งสร้อยคอทองคำและเลสทองคำคืน จึงไปทวงถามแต่กลับปรากฎว่าได้ทองปลอมคืน นายเตี้ยจึงบุกไปทวงถามอีกรอบที่ทำงานนายก๊อปปี้ แต่ถูกทำร้ายทั้งหมัดต่อยที่ใบหน้า เอาเท้าเหยียบที่หน้าอก โดยนายเตี้ยทำท่าถูกต่อยจนฟันโยก และใช้ภาษามือว่าถูกเท้าเหยียบที่หน้าอกจนแน่นหน้าอก

ตอนท้ายนายเตี้ยใช้ภาษามือบอกว่า เสียใจไม่ได้เป็นเจ้าสาวแล้ว กะว่าจะได้แต่งตัวสวยเป็นเจ้าสาว พร้อมทำท่าน้ำตาไหล และอยากได้สร้อยคอทองคำและเลสทองคำคืน เพราะเสียดายเป็นทรัพย์สินที่เก็บเงินจากการขายล็อตเตอร์รี่ที่คำชะโนด เก็บมาทั้งชีวิต ตอนนี้ไปแจ้งความแล้ว จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

น.ส.ตุ๊ก (นามสมมติ) ญาตินายเตี้ยบอกว่า วันที่ 17 พ.ค.68 ที่ผ่านมา นายเตี้ยเดินสะบักสะบอมเข้ามาที่ร้าน ใช้ภาษามือบอกว่าถูกทำร้ายร่างกาย ตนเองจึงสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น จนรู้ว่าเขาถูกนายก๊อปปี้แฟนหนุ่มทำร้ายมา สาเหตุเพราะไปทวงเอาทอง 5 บาทจากพานหมั้นคืน ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนเห็นว่าคบกันเป็นแฟนได้ประมาณเกือบปี โดยวันที่ 20 เม.ย.นายก๊อปปี้ขอยืมสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท เลสข้อมือ 2 บาท รวม 5 บาทไปใส่พานหมั้น บอกว่า 1 ปีจะมาแต่ง จากนั้นก็ไม่คืนให้ พอนายเตี้ยไปทวงดันเอาทองปลอมมาให้ เป็นสร้อยคอทองคำ 2 เส้น เอาไปให้ร้านทองดูเขาบอกว่าของปลอม นายเตี้ยไปทวงถามอีกถูกทำร้ายร่างกาย จึงพาไปแจ้งความ ตร.ก็เรียกมาไกล่เกลี่ยก่อน พอนายก๊อปปี้มาพูดคุยด้วย ก็ไม่ยอมคืนลูกเดียว บอกว่าทองของจริงเอาไปแปรสภาพหมดแล้ว ไปเจอกันที่ศาลแล้วกัน เท่าที่ทราบนายก๊อปปี้เอาทองไปขายแล้วไปสร้างบ้านให้เมียคนใหม่ที่คบกันได้ 2 เดือน และทราบว่าเขาจะหลอกผู้หญิงไปทั่วถ้ามีเงิน แม้กระทั่งเกย์เขาก็คบถ้ามีเงินให้เขา และนายก๊อปปี้เคยไปแต่งกับน.ส.แนน หลานสาวตนเองด้วย แต่สุดท้ายก็อยู่ไม่ได้ต้องหย่ากัน

เราก็สงสารนายเตี้ย แม้เขาจะเป็นใบ้เป็นคนพิการยังรู้จักทำมาหากิน ไม่งอมืองอเท้า สร้อยคอและเลสทองคำเขาเก็บเงินจากการขายล็อตเตอร์รี่กว่าจะซื้อได้ อยากให้นายก๊อปปี้หามาคืนนายเตี้ยจะดีกว่า จะได้ไม่มีเรื่องคดีต่อกัน น.ส.ตุ๊กกล่าวตอนท้าย

ต่อมาผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังนายก๊อปปี้เพื่อทราบข้อเท็จจริงอีกฝ่าย นายเตี้ยให้สัมภาษณ์ บอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้น อยากจะบอกว่า ปีที่แล้วจำไม่ได้ช่วงเดือนไหน นายเตี้ยเป็นคนขี่จยย.ขายล็อตเตอร์รี่ไปหาผมที่ทำงาน แล้วก็ขอเฟสบุ๊คทักแมสเชนเจอร์มาหาผม เขาเป็นคนติดต่อผมมาก่อน ส่งแมชเชนเจอร์มาหาผมตลอด บอกว่า ชอบผม ผมสเป๊กเขาเลย เขาเป็นคนโสดบ้านรวย โชว์เงินโชว์ทอง อยากจะเปย์ทุกอย่าง ช่วงแรกทักมาขอซื้อบริการผมด้วย มีส่งภาพหวิวมาให้ผมด้วย และเสนอราคา 300-400 ทำโน่นทำนี่ เหมือนขอซื้อบริการผม ผมมีหลักฐานไว้หมด ช่วงหนึ่งผมไม่ได้คุย เขาก็ซื้อข้าวมาฝาก มาหาที่ห้อง แถมซื้อเค้กวันเกิดถือมาให้ผมที่ห้องด้วย คือเป็นสายเปย์ ทุ่มทุกอย่าง แต่เรื่องหมั้นผมไม่เคยทำ และทองที่ว่าผมไม่ให้คืน  เขาให้ผมเอง ผมไม่ได้ยืมมาใส่งานหมั้นตามที่เขากล่าวอ้าง  ส่วนเรื่องทองปลอมที่ว่าผมคืนให้ เขาไปแย่งผมเอง ในกระเป๋าของผมมีทั้งทองจริงและทองปลอม ผมจำได้เป็นช่วงวันที่ 17 พ.ค.ที่ทำงานผม แล้วเขาจะใช้มีดจี้คอผมด้วย ก็เลยกระทบกระทั่งกันก็เจ็บทั้งฝ่าย ผู้สื่อข่าวถามว่าจะบอกนายเตี้ยยังไง นายก๊อปปี้ก็ฝากถึงนายเตี้ยว่า ไม่คุยกันอีกแล้วไปเจอกันที่ศาลเรื่องทั้งหมด ผมให้ข้อมูลนักข่าวมากกว่านี้ไม่ได้ ทุกอย่างให้ทนายจัดการแล้ว และผมก็จะไปแจ้งความ ที่นายเตี้ยเอารูปผมไปประจานข้อหาผิดพรบ.คอมฯ ดำเนินคดีนายเตี้ยเหมือนกัน