วันที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลอีกครั้งถึงกรณีจะมีการปิดชายแดนไทย – กัมพูชา หรือไม่ ว่า เราพิจารณาทุกมาตรการ ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ทุกอย่างได้เตรียมการไว้พร้อมหมดแล้ว ส่วนจะมีมาตรการห้ามคนไทยข้ามไปบ่อนการพนันฝั่งกัมพูชาหรือไม่นั้น ขณะนี้ไม่สามารถพูดเรื่องเหล่านี้ได้ รอให้เกิดสถานการณ์แต่ละขั้นเราก็หยิบมาตรการมาใช้ได้ ทางกองทัพหน้างานว่าอย่างไร กระทรวงการต่างประเทศยืนยันหลักกฎหมายแล้วว่าอย่างไร ซึ่งวันนี้ได้คุยกับทุกหน่วยงานแล้ว
เมื่อถามว่า ข้อเสนอของไทยให้กัมพูชาถอนกำลังทหารออกไป 200 เมตร ในจุดที่เกิดความขัดแย้ง ทางกัมพูชาจะมีการตอบรับกลับมาอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ได้บอกให้เขาถอย แต่บอกให้เขาปรับกำลังเหมือนข้อตกลงปี 2567 ซึ่งขณะนั้นมีกำลังที่มาด้วยกันอยู่แล้วไม่มีปัญหา ก็ให้ปรับกำลังเป็นเช่นนั้น สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นเราให้ใช้วิธีการพูดคุยแบบทวิภาคี และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาแก้ปัญหา
เมื่อถามว่า มีการตั้งหน่วยเฉพาะกิจมาดูแลเรื่องนี้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า มีการตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลเรื่องนี้แล้ว ส่วนใครเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ ขอให้รอดูรายละเอียดที่จะออกมา
เมื่อถามว่า มีขั้นตอนจะเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับมาหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทุกขั้นตอนที่ควรจะใช้กับสถานการณ์ต่างๆ ต้องทำงานร่วมกัน 3 ส่วน คือกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพ ซึ่งเราคุยกันตลอดว่าจะดำเนินการทุกมาตรการ และตอนนี้กลไกต่างๆได้วางรายละเอียดแล้ว ที่ผ่านมาก็ทำมาแล้ว แต่วันนี้จะกำหนดให้ชัดเจนขึ้น
เมื่อถามว่า ขณะนี้สังคมออกมาเรียกร้องให้มีมาตรการตอบโต้ออกมาบ้าง แต่วันนี้รัฐบาลยึดหลักการเจรจาจะชึ้แจงอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า จริงๆขณะนี้ยังไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างยังปกติ ซึ่งเมื่อวาน (5 มิ.ย.) การมาเจอและพูดคุยกันของทั้งสองกองทัพ เราอยากจะหาทางสันติให้มากที่สุด ในภาวะขณะนี้ทุกฝ่ายไม่อยากให้เกิดสงคราม อยากให้ทำกลไกทวิภาคี หรือ JBC ซึ่งเราใช้มา 20 ปีในการแก้ปัญหาต่างๆก็เป็นประโยชน์มาตลอด แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นเรา และทหารก็มีหน้าที่โดยตรงที่ต้องปกป้องอธิปไตย ก็ไม่ได้วางเฉย ก็พยายามตึงกำลัง ขอย้ำว่า รัฐบาลจะยึดแนวทางสันติวิธี ซึ่งได้ตกลงกันไปแล้วว่าหากวันข้างหน้ามีอะไร เราได้เตรียมการไว้หมดแล้ว ซึ่งเมื่อวาน (5 มิ.ย.) ที่เราได้คุยกันจะนำไปสู่เงื่อนไขในจุดที่ดี โดยมีการฝากให้แต่ละฝ่ายไปบอกผู้นำประเทศ ซึ่งบรรยากาศที่คุยตนคิดว่าเป็นไปด้วยดี และทุกฝ่ายมีความสบายใจ
เมื่อถามว่า ในเมื่อไทยมีความสัมพันธ์ส่วนตัวทำไมถึงไม่คุยตรงกับผู้นำฝั่งกัมพูชาไปเลย นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องของประเทศชาติ และอธิปไตยของประเทศ ซึ่งก็ต้องคุยกับตัวแทนของประเทศคือรัฐบาล ส่วนการคุยนอกรอบก็ทำอยู่แล้ว เช่น การพูดคุยกันเมื่อวาน (5 มิ.ย.) ก็เป็นการคุยนอกรอบของตนกับรองนายกฯ และรมว.กลาโหมกัมพูชา ซึ่งทำอยู่ตลอดเวลา ยืนยันว่า เราใช้ทุกกลไก และขอฝากสื่ออยากให้นำเสนอการแก้ปัญหาของประเทศ ถ้าลงในสิ่งที่คลาดเคลื่อนก็จะทำให้เกิดการตอบสนองที่ไม่ดี
นายภูมิธรรม กล่าวด้วยว่า ขณะนี้เรากำลังเดินหน้าไปยังสิ่งที่พึงประสงค์ คือหลีกเลี่ยงการกระทบความสัมพันธ์ เพราะถ้ากระทบจะเป็นบาดแผลที่ลึก และจะทำให้การทำงานยากขึ้น เพราะเรายังต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน ขอให้จำกัดวงแค่ตรงนี้อย่าไปถามเรื่องศาลโลก เพราะเราไม่รับอยู่แล้ว ขออย่าไปเปิดประเด็น เรากำลังแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่แก้ได้ ขอให้ช่วยกันตรงนี้
เมื่อถามว่า ได้วางเงื่อนไขไว้รับมือหรือไม่ หากในการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ ไม่มีการพูดคุยเรื่องข้อพิพาท 4 จุด นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องรอให้มีการประชุมจริงๆก่อน เพราะเราคุยกันแล้วว่าจะคุยอะไร
เมื่อถามว่า ความแข็งกร้าวของกองทัพบก จะเป็นชนวนในการรัฐประหารหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า กองทัพบกมีหน้าที่ต้องทำของตนอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่ขัดแย้งกับรัฐบาล รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการรักษาประเทศ รักษาอธิปไตยก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ในยุคบิ๊กอ้วนจะไม่กังวลว่าจะมีการทำรัฐประหารใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบกลับว่า ไม่มีสัญญาณเลย คุยกันดีมาตลอด
สำหรับปลุกระดมเรื่องความรักชาติ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอให้ช่วยกันทำให้เห็นว่าการไม่เกิดสงครามเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ถ้าเราไปปลุกกับเขาด้วยก็จะยิ่งมีปัญหา
นอกจากนี้ ยังมีการวิเคราะห์ถึงท่าทีของการแถลงของประเทศไทย ว่าดูมีความนอบน้อมกว่าประเทศกัมพูชา ที่มีความแข็งกร้าว นายภูมิธรรม ตอบกลับว่า อย่ามองว่าเป็นการนอบน้อม อย่างวานนี้ มีคนบอกว่าตนเดินทางไปกัมพูชา ไปเป็นข้าของเขามันไม่จริง เพราะเมื่อวานนี้เขาก็มาหาเราถึงที่ทำไมถึงไม่บอกบ้างว่าเขานอบน้อมเรา ขออย่าไปดูอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะตนมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ มีความเกี่ยวข้องกับประเทศชาติ ถ้าเราไปมองจุกจิกแต่กับเรื่องเล็ก ๆ เรื่องใหญ่มันจะไม่ได้ และกลายเป็นความขัดแย้ง
ส่วนเรื่องการนอบน้อม นายภูมิธรรม ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า เป็นในสายตาใคร เพราะในทางการทูตก็ถือว่าใช้ได้แล้ว ทัศนคติของแต่ละคนก็ต่างกัน พร้อมย้ำว่า “ ไม่ถนอมเลย ไม่ถนอม ไม่ถนอม”
นอกจากนี้ นายภูมิธรรม ยังกล่าวว่า ท่านต้องคิดบวก ต้องแบ่งเรื่องดังกล่าวเป็น 2 เรื่อง คือการปกป้องอธิปไตย และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ขณะนี้โลกมีปัญหาเยอะ เราก็ต้องมีความสัมพันธ์ในการแก้ไขปัญหาหลายอย่าง ตอนนี้คิดเรื่องเดียวไม่ได้
อย่างไรก็ตาม นายภูมิธรรม ไม่ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ที่ถามว่าหม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล เคยกล่าวว่า ความสัมพันธ์ของนายทักษิณ ชินวัตร กับ พล.อ.ฮุน เซน เป็นจุดอ่อนของการแก้ไขปัญหาระหว่างไทยและกัมพูชาในครั้งนี้ ก่อนจะขึ้นรถกลับออกไป