เมื่อผลประโยชน์ขัดกัน จาก "มิตร" กลายเป็น "ศัตรู"! รอยร้าวระหว่าง “อีลอน มัสก์” มหาเศรษฐีนักเทคโนโลยี กับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับมาเป็นที่จับตาอีกครั้ง หลังจากเคยร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้นในช่วงหาเสียงเลือกตั้งปี 2024 โดยมัสก์เคยเป็นกำลังสำคัญที่ผลักดันให้ทรัมป์กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวได้สำเร็จ

หลังชัยชนะ ทรัมป์ได้ตอบแทนด้วยการแต่งตั้งมัสก์เป็นหัวหน้ากระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลในวาระที่สอง และปรากฏตัวเคียงข้างกันแทบทุกครั้งที่มีแถลงข่าว

แต่ความสัมพันธ์อันแนบแน่นต้องสั่นคลอน เมื่อมัสก์ออกมาวิจารณ์ร่างกฎหมาย “One Big Beautiful Bill” อย่างรุนแรง โดยเฉพาะประเด็นที่ตัดเครดิตภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ออก

“ผมขอโทษ แต่ทนไม่ไหวแล้ว! ร่างกฎหมายนี้เต็มไปด้วยผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มอย่างหน้าไม่อายและน่ารังเกียจ”

“มันเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับใครก็ตามที่โหวตสนับสนุน คุณรู้ว่าคุณทำผิด!”

“สภาคองเกรสกำลังทำให้อเมริกาล้มละลาย” มัสก์ โพสต์บน X

ในฝั่งของทรัมป์ เขาออกมาตอบโต้ทันที โดยระบุว่า สาเหตุที่มัสก์โกรธนั้นเป็นเพราะร่างกฎหมายตัดสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวกับ EV และรัฐบาลของเขาไม่แต่งตั้ง “จาเร็ด ไอแซคแมน” ผู้ที่มัสก์เสนอชื่อให้เป็นผู้อำนวยการ NASA

“ผมผิดหวังในตัวอีลอนมาก เพราะผมช่วยเขามาตลอด” ทรัมป์กล่าวที่ทำเนียบขาว

มัสก์ไม่อยู่เฉย ตอบกลับบน X ว่า “ถ้าไม่มีผม ทรัมป์แพ้เลือกตั้งไปแล้ว เดโมแครตจะคุมสภาผู้แทนฯ และรีพับลิกันจะเหลือเสียง 51-49 ในวุฒิสภา”

มัสก์ยังวิจารณ์เพิ่มเติมว่า ร่างกฎหมายทรัมป์ยังคงอุดหนุนอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ แต่กลับตัดงบส่งเสริมพลังงานสะอาดอย่าง EV และโซลาร์เซลล์

“เงินสนับสนุนอุตสาหกรรมน้ำมันไม่โดนแตะ แต่กลับตัดงบสิ่งแวดล้อม นี่มันไม่ยุติธรรม!”

เหตุการณ์ยิ่งตึงเครียดขึ้นหลังสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อทรัมป์ประกาศชัดเจนว่า จะไม่แต่งตั้งไอแซคแมนเป็นผู้อำนวยการ NASA โดยให้เหตุผลว่า เขาเป็น “เดโมแครตเต็มตัว”

“เราชนะเลือกตั้ง เราก็ควรได้สิทธิ์บางอย่าง และหนึ่งในนั้นคือ ไม่ต้องแต่งตั้งคนจากพรรคตรงข้ามมาบริหารองค์กรสำคัญอย่าง NASA”

การแตกหักของทั้งสองถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่า ความร่วมมือทางการเมืองระหว่างทรัมป์และมัสก์อาจมาถึงทางตัน และอาจส่งผลต่อฐานเสียงของทรัมป์ในภาคธุรกิจเทคโนโลยีในอนาคต