วันสิ่งแวดล้อมโลก ชาวเชียงราย ต้านเหมืองแร่พม่า แสดงสัญลักษณ์ "รวมพลงานปอย "ปิดเหมืองว้า" ส่งหนังสือถึงนายกฯ รัฐบาลจีน พม่า 

เวลา 08.30 น.วันที่ 5 มิถุนายน 2568 ภาคประชาชนในลุ่มน้ำสาย น้ำรวก น้ำกก น้ำโขง รวมตัวกันในวันสิ่งแวดล้อมโลก เพื่อต้องการให้รัฐบาลไทยหาวิธีการหยุดเหมืองแร่ต้นแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ตอนใต้ของรัฐฉาน ประเทศพม่า ภายใต้เขตอิทธิพลของกองกำลังว้า UWSA (United Wa State Army)ที่สนับสนุนนักธุรกิจชาวจีนเข้ามาดำเนินการทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทและเหมืองทองคำ โดยมี นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว เครือข่ายรักษ์เชียงของ นางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีต สว. นางสาวเพียงพร ดีเทศน์ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ ( Inter River) ร่วมกิจกรรมประมาณ 1,355 คน

 

สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นการรณรงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของประชาชนให้ยุติเหมืองทันที และฟื้นฟูแม่น้ำ โดยจะรวมตัวที่สวนสาธารณะแม่ฟ้าหลวง เชิงสะพานแม่น้ำกก อำเภอเมืองเชียงราย โดยมีกิจกรรมร่วมลงชื่อ การเขียนโปสการ์ดถึงนายกรัฐมนตรี การแสดงดนตรีและกิจกรรมของศิลปินเชียงราย มีเวทีเสียงคนเชียงราย และพิธีกรรมพุทธศาสนาและพิธีกรรมของชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์ 

จากนั้นจะเคลื่อนขบวนไปบนสะพานเพื่อยื่นหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดีจีน รวมทั้งฝากไปถึงรัฐบาลพม่าและกองกำลังว้า โดยจะมีการทิ้งป้ายผ้าขนาดใหญ่บนสะพานที่เขียนข้อความให้หยุดเหมืองแร่ต้นแม่น้ำ และการโปรยดอกไม้ และผูกริบบิ้นเขียวฟ้า แสดงสัญลักษณ์ 

ก่อนจะยื่นหนังสือให้กับ นายขจร ศรีชวโนทัย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย แล้วผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ เพื่อจะส่งให้กับนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยเนื้อความใน หนังสือมีอยู่ว่า

"เนื่องด้วยประชาชนที่อาศัยในลุ่มน้ำกก สาย รวก โขง ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย กำลังเผชิญปัญหาการปนเปื้อนโลหะหนักในแม่น้ำที่ไหลมมาจากรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ได้แก่แม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง โดยกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำกกพบว่าแม่น้ำขุ่นข้นแม้กระทั่งในฤดูแล้ง ซึ่งผิดปกติแทนที่น้ำจะใส เช่นเดียวกับชาวบ้านริมแม่น้ำสาย ได้พบว่าในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา แม่น้ำสายมีสีขุ่นข้นมาก โดยมีที่แล้วขุ่นข้นจนน่ากลัวเพราะกลายเป็นสีขาว แม้กระทั่งนำไปผ่านกระบวนการผลิตน้ำประปาสีของน้ำก็ยังขุ่น 
 
ภาคประชาชนจึงได้ร่วมกันเรียกร้องให้มีการตรวจสอบที่มาของความขุ่นเพราะได้รับข้อมูลข่าวสารว่าที่บริเวณต้นแม่น้ำกกและแม่น้ำสายมีการทำเหมืองแร่ จนกระทั่งกรมควบคุมมลพิษได้ทำการตรวจสอบและพบสารโลหะหนักเกินค่ามาตรฐาน 
 
เมื่อทางการได้ตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียมแสดงหลักฐานชี้ให้เห็นว่ามีการเปิดหน้าดิน ทำเหมืองแร่เถื่อน รวมทั้งแร่แรร์เอิร์ท อย่างน้อย 40 จุด โดยเหมืองเถื่อนบางแห่งตั้งอยู่ห่างจากพรมแดนไทยเพียง 2 กม. เท่านั้น 
 
กรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการตรวจคุณภาพน้ำ 3 ครั้ง และทุกครั้งพบว่าในแม่น้ำกกมีสารโลหะหนักเกินค่ามาตรฐาน เช่นเดียวกับแม่น้ำสายที่มีค่าสารหนูและสารตะกั่วปนเปื้อนสูงเกินกว่ามาตรฐานจนน่าตกใจ รวมทั้งแม่น้ำโขง สร้างความตระหนกและกังวลใจแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่และใช้น้ำทั้งการอุปโภค การเกษตร การประมง การท่องเที่ยว เป็นอย่างยิ่ง
 
คำแนะนำของทางการให้ประชาชนงดการสัมผัสน้ำแม่น้ำโดยตรง งดบริโภคสัตว์น้ำ งดกิจกรรมทางน้ำ ฯลฯ ทำให้ประชาชนยิ่งรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย ไม่มีทางออก คนหาปลาขาดรายได้ ชาวนาไม่มั่นใจว่าจะปลูกข้าวได้หรือไม่ ผู้คนใช้น้ำประปาด้วยความหวาดระแวง ประชาชนในพื้นที่ต่างกังวลว่า จะเกิดการสะสมของสารโลหะหนักในระยะยาวสุขภาพของตนเองและลูกหลานจะเป็นอย่างไร และฤดูฝนนี้หากน้ำหลากมาท่วมบ้านเรือน เราจะรับมือกับน้ำพิษ โคลนพิษ ได้อย่างไร ฯลฯ 
 
นอกจากนี้ในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา ประชาชนยังต้องเผชิญกับความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว การค้าขาย  ผลกระทบทางสังคมและผลกระทบต่อสุขภาพกายสุขภาพจิต โดยที่ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลจะมีมาตรฐานแก้ไขปัญหาต้นตอซึ่งเป็นแหล่งที่ทำให้เกิดมลพิษข้ามพรมแดน คือเหมืองแร่เถื่อนจำนวนมากในเขตรัฐฉาน พวกเราประชาชนในพื้นที่ตระหนักดีว่า เราจะปล่อยให้ปัญหาผลกระทบดังเกิดขึ้นต่อเนื่องเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ นี่คือปัญหาภัยความมั่นคงที่กระทบประชาชนนับล้านคน
 
จึงขอเรียกร้องท่านในฐานะนายกรัฐมนตรีของไทย ดำเนินการในทุกวิถีทาง เพื่อยุติเหมืองแร่เหล่านี้ทันที และต้องมีมาตรการชัดเจนด้านการฟื้นฟูนิเวศแม่น้ำกก สาย รวก และโขง ระบบเศรษฐกิจและสังคมของท้องถิ่นให้กลับคืนมาดังเดิมอย่างเร่งด่วน เพราะยิ่งเวลาเนิ่นนานออกไปยิ่งทำให้ความเสียหายรุนแรงและวงกว้างขึ้น"

ทางด้าน นายขจร ศรีชวโนทัย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวหลังรับหนังสือว่า เราได้รับทราบถึงเรื่องผลกระทบของแม่น้ำในเชียงราย เราให้ความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพแม่น้ำกก เพื่อให้พวกเราได้อยู่อย่างมีความสุข โดยได้รายงาน ทางผู้บังคับบัญชาแล้วและได้ทำหนังสือถึงรัฐบาลเมียนมา รวมไปถึงกระทรวงทรัพยากร ของเมียนมาให้รับทราบ เพื่อนัดพบกันเพื่อเจรจา

ด้านนางสาวเพียงพร ดีเทศน์ กล่าวว่า การมารวมตัวในครั้งนี้อยากให้เป็นการแสดงพลังเพื่อให้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นโดยการแสดงสัญลักษณ์ และทำหนังสือส่งให้กับ ทางนายกรัฐมนตรีไทย รัฐบาลเมียนมา และรัฐบาลจีน เพื่อให้ยุติกิจกรรมในการทำเหมืองแร่ ในเขตรัฐฉานประเทศเมียนมาทันที จากเหมืองดังกล่าว ที่ส่งผลกระทบอันร้ายแรงต่อแม่น้ำที่ไหลเข้ามาในประเทศไทย ที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย

นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการละเมิดสิทธินอกพรมแดนและไม่ใช่เรื่องใหม่โดยอยู่ในแผนปฏิบัติการชาติแต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือเมื่อมีแผนปฏิบัติการชาติเช่นนี้แล้วยังไม่เห็นว่ารัฐบาลเริ่มต้นทำอะไรเลย ปัญหาคือน้ำในแม่น้ำใช้ไม่ได้แล้วชาวบ้านจะอยู่อย่างไร เมื่อตัวแทนรัฐบาลลงมารับฟังก็รับฟังจากหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ก็มีการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุขณะที่ต้นเหตุยังคงมีอยู่ ต้นตอคือว้าซึ่งต้องมีช่องทางในการติดต่อและที่สำคัญคือกลุ่มทุนที่เข้าไปดำเนินการเป็นใครมาจากไหน หากเป็นทุนจีนจะรับผิดชอบอย่างไร เมื่อแพร่กระจายสู่แม่น้ำโขงจะกลายเป็นปัญหาในภูมิภาคนี้เลยทีเดียว รัฐบาลไทยและจีนก็มีความสัมพันธ์ที่ดีเมื่อเร็วๆ นี้ก็ส่งขาวอุยกูร์ไปให้กับทางการจีนจนรัฐบาลจีนชอบใจ เมื่อจีนขอมาไทยก็ให้ไปดังนั้นทางไทยควรจะขอบ้างเพื่อชาติของตัวเอง 

"ที่จริงเรามีอาเซียนจึงอยากรู้ว่าอาเซียนคุยอะไรกัน คุยเรื่องเรื่องค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าเท่านั้นหรือไม่ แต่พอมีการละเมิดข้ามพรมแดนเยอะแยะไปหมดแล้วแบบนี้เราจะอยู่อยางไร จึงอยากให้อาเซียนให้ความสำคัญกับประชากรและพลเมืองอาเซียนด้ว นอกเหนือไปจากเรื่องจีดีพีนอกจากการค้าการลงทุน เพราะถ้าประชาชนเดือดร้อนเขาไม่มีทางทำมาหาค้ากันได้ เชียงรายก็ดูซบเซานักท่องเที่ยวก็น้อยลง วันก่อนพี่นั่งเรือมาไม่มีนั่งเรือเลย ปางช้างก็ไม่มีคนไปเที่ยว" นางอังคณา กล่าว

อาจารย์ ดร.สืบสกุล กิจนุกร สำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า ปัจจุบันเข้าสู่ฤดูฝนปัญหามีไปถึงว่าน้ำที่จะใช้มีความปลอดภัยต่อการเกษตรด้วยหรือไม่ซึ่งยังไม่เห็นแผนในการเฝ้าระวังและตรวจสอบข้อมูลดังนั้นวันที่ 5 มิ.ย.เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลกจึงมารวมตัวกันเพื่อขอให้ปิดเหมืองแร่ต้นแม่น้ำดังกล่าวอย่างถาวร เพราะการตรวจคุณภาพน้ำที่ผ่านมาพบสารหนูุทุกครั้งและเกือบทุกจุดโดยเฉพาะแม่น้ำสายที่พบสารตะกั่วด้วยและพบมาก่อนแม่น้ำกกเสียอีก ขณะที่รัฐบาลกลับบอกว่ายังปลอดภัยดีอยู่แต่ประชาชนไม่รู้สึกปลอดภัยเลย

อาจารย์นิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ กล่าวว่า ตนต้องขอขอบคุณทางผู้ใหญ่ที่ไปรับหนังสือครั้งนี้แต่ก็อยากให้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เร็วขึ้นเพราะที่ผ่านมาช้าเกินไปจนเกิดผลกระทบ ดังนั้นหลังยื่นหนังสือเครือข่ายภาคประชาชนก็จะเคลื่อนไหวต่อไปอย่างต่อเนื่องจนกว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไข.