ช่วยกันคิดช่วยกันทำ / ทหารประชาธิปไตย

หลายคนคงไม่คิดว่าการโจมตีฐานทัพอากาศของรัสเซีย 4 แห่ง ใน 4 ภูมิภาคที่กระจายออกไปทั่วพื้นที่ของรัสเซีย จะมีผลทำให้เราเข้าใกล้สงครามนิวเคลียร์เพียงใด

ทั้งนี้ตามระเบียบปฏิบัติการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซีย มีข้อระบุการบ่งใช้ประการหนึ่ง คือ หากรัสเซียถูกโจมตีอุปกรณ์ใดๆที่เกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ เช่น คลังแสงนิวเคลียร์ ขีปนาวุธ ICBM หรือเครื่องบินทางยุทธศาสตร์ที่สามารถทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ รัสเซียโดยการตัดสินใจของผู้นำ อาจใช้อาวุธนิวเคลียร์เป็นการตอบโต้ ไม่ว่าประเทศนั้นๆจะมีอาวุธนิวเคลียร์หรือไม่ เหตุที่มีการระบุไว้อย่างนี้ก็เพื่อเป็นการป้องกันการใช้ตัวแทนมาโจมตีตัดกำลังรัสเซียไว้ก่อนเกิดสงครามนิวเคลียร์

ดังนั้นการโจมตีของยูเครนต่อฐานทัพอากาศรัสเซีย 4 แห่ง ซึ่งเป็นสถานที่เก็บเครื่องบินทางยุทธศาสตร์นั่นคือ เครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์อย่าง TU-95 หรือ TU-22M ซึ่งตามข่าวของยูเครนอ้างว่าสามารถทำลายได้ถึง 41 ลำ คิดเป็นร้อยละ 34% ของเครื่องบินทางยุทธศาสตร์ ทั้งหมดก็ต้องถือว่าเป็นการทำลายสมรรถภาพการทำสงครามนิวเคลียร์ของรัสเซียลงอย่างมีนัยสำคัญ และเพิ่มความเสี่ยงให้รัสเซียมีโอกาสถูกโจมตีด้วยนิวเคลียร์ จนทำให้อาจต้องตัดสินใจตอบโต้โจมตีเสียก่อน

แม้ว่ารัสเซียจะแถลงข่าวการโจมตีดังกล่าว ทำความเสียหายเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ไม่มีรายละเอียด ขณะที่ยูเครนนำเสนอผลการโจมตีด้วยคลิปก็ยังไม่อาจพิสูจน์ได้ว่ามีการจัดทำขึ้นเพื่อผลในการโฆษณาชวนเชื่อหรือไม่

ตามข่าวหลายสำนักยูเครนประกาศผลงานว่าเป็นของตน โดยหน่วยสืบราชการลับ ผ่านการวางแผนมาปีครึ่ง แต่ถ้าพิจารณาแผนงานและการดำเนินการก็ต้องนับว่าเป็นแผนที่เยี่ยมยอด และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยสามารถปกปิดความลับได้อย่างสุดยอด แม้ว่าแผนนี้จะใหญ่มาก และต้องใช้กลไกกับผู้คนจำนวนมาก ทั้งภายในและจ้างจากภายนอก

พิจารณาจากแผนการเคลื่อนกำลังและขนอุปกรณ์โดยเฉพาะโดรนจำนวนมากไปในหลายทิศทาง เพื่อให้เข้าใกล้เป้าหมายจำเป็นต้องใช้ความละเอียดอ่อนปิดลับ และตัดเป็นส่วนๆโดยที่นอกจากผู้บริหารระดับสูงแล้วแต่ละส่วนของงานจะรู้เพียงงานส่วนของตน แต่ไม่รู้งานของส่วนอื่น ตัวอย่างเช่นคนขับรถหัวลากคอนเทนเนอร์บรรลุโดรน อาจไม่รู้เลยว่าคอนเทนเนอร์มีการดัดแปลงเพื่อเปิดหลังคาและภายในบรรจุอะไร ยิ่งตามข่าวการสอบสวนของฝ่ายความมั่นคงรัสเซียคนขับรถให้การว่ารับจ้างขนบ้านสำเร็จรูปแบบโมดูลาร์จึงฟังได้ว่าไม่รู้ว่าข้างในบ้านบรรจุอะไร

การดัดแปลงคอนเทนเนอร์ก็อาจทำในที่หนึ่ง และส่งไปโรงงานอีกแห่ง โดยที่ทางโรงงานก็ไม่รู้ว่าคอนเทนเนอร์มีการดัดแปลง ส่วนสถานที่ดัดแปลงคอนเทนเนอร์ก็ไม่รู้ว่าดัดแปลงไปเพื่ออะไร

นอกจากนี้โดรนจำนวนมากอาจไม่ส่งไปเป็นลำพร้อมใช้แต่ส่งเป็นชิ้นส่วนไปประกอบในรัสเซีย โดยอาจจะปกปิดว่าทำโดรนเพื่อวัตถุประสงค์อื่น เช่น การเกษตร เป็นต้น

ที่สำคัญที่สุดโดรนเหล่านี้จะทำงานได้ดี จนประสบความสำเร็จต้องมีเครือข่ายประสานข้อมูล เชื่อมโยงสัญญาณ เครือข่ายควบคุมกับเอไอ และศูนย์บัญชาการ นั่นคือต้องใช้เครือข่ายดาวเทียมที่กว้างขวาง ซึ่งดูไปแล้วยูเครนไม่น่าจะมีขีดความสามารถที่จะดำเนินการทั้งหมดได้โดยลำพัง แต่ที่ให้ยูเครนออกหน้าเพื่อเป็นแพะรับบาป นอกเหนือจากการสร้างภาพให้ยูเครนมีอำนาจต่อรองในการเจรจาหยุดยิงก็อาจต้องการปกปิดตัวการที่แท้จริงก็ได้

งานระดับนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากมืออาชีพหลายฝ่าย เช่น ซีไอเอ เอ็มไอซิก และมอสสาด ในการแทรกซึมจัดวางระบบและผู้คนที่ฝังตัวอยู่ในรัสเซียเป็นเวลานาน ส่วนด้านข้อมูลพิกัดเป้าหมายและการข่าวทั้งหลาย ก็ต้องอาศัยระบบดาวเทียมของนาโต และ FIVE EYES (สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร,แคนาดา ,ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ) จึงสามารถครอบคลุมพื้นที่ทั่วรัสเซียได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ก่อนหน้านี้ยูเครนก็ได้มีการซักซ้อมในการโจมตีรัสเซียแถบมอสโก ด้วยการปล่อยโดรนภายในรัสเซีย และอาศัยดาวเทียมฟินแลนด์เป็นฐานข้อมูลและการควบคุม

อนึ่งตามที่เป็นข่าวการวางแผนและดำเนินการใช้เวลาถึงปีครึ่ง โดยยังไม่มีการกำหนดวัน ว. เวลา น. ซึ่งคงจะมีการสมคบคิดวางแผนตั้งแต่สมัยรัฐบาลไบเดน และมันยังคงเป็นแผนปฏิบัติอยู่โดยยังไม่มีการสั่งการเปิดฉากโจมตี

ครั้นมาสู่ยุคทรัมป์ งานนี้ก็ยังคงค้างคาอยู่ โดยทรัมป์หรือผอ.คนใหม่อาจไม่รู้ เพราะถ้ารู้ทรัมป์คงให้ระงับโครงการเพราะไม่อยากขัดใจกับปูติน ซึ่งทรัมป์หวังผูกมิตรถึงขั้นเจรจาเปิดสัมพันธ์เป็นปกติในอนาคต

ส่วนอังกฤษโดยเฉพาะภายใต้รัฐบาลเคีย สตาร์เมอร์ นั้น ต้องการกระตุ้นสงครามระหว่างยุโรปกับรัสเซีย จึงน่าจะเป็นตัวบัญชาการให้เกิดการโจมตี โดยหวังว่าปูตินจะลุแก่โทสะ และโจมตียูเครนด้วยนิวเคลียร์ หรืออย่างน้อยก็โจมตีอย่างรุนแรงหรือเกินเลยถึงโจมตียุโรปด้วยนิวเคลียร์ซึ่งจะทำให้เกิดสงครามใหญ่ขึ้น

อย่างไรก็ตามทางรัสเซียโดยเฉพาะปูตินไม่พูดอะไรเลยว่าจะทำอย่างไร คงสั่งเดินหน้าประชุมที่อิสตัลบูล โดยที่ผลก็เป็นไปตามคาด แต่บรรยากาศดีเพราะไม่มีการโต้เถียงอะไรกัน เพียงแต่มีการส่งมอบเอกสาร ความต้องการของแต่ละฝ่ายให้กันและกัน

เอกสารของรัสเซียเท่าที่ได้รับการเปิดเผย คือ เอกสารฉบับเดิมที่เคยยื่นเมื่อครั้งประชุมกับยูเครนครั้งที่ 1 ปี 2022 ที่อิสตันบูล และยูเครนถอนตัวกะทันหัน เพราะแรงยุจาก บอริส จอห์นสัน นายกฯอังกฤษในขณะนั้น

ส่วนเอกสารของยูเครนทราบว่าเป็นฉบับเดียวกันที่เคยยื่นให้ทรัมป์เพื่อให้สหรัฐฯรับประกันความปลอดภัยด้วยกำลังทหารแต่ทรัมป์ไม่รับ จึงไปยื่นให้อังกฤษเมื่อเดือนเมษายน

นอกจากการแลกเปลี่ยนเอกสารแล้ว ยังมีการแลกเปลี่ยนเชลยศึกจำนวน 1 หมื่นนาย มากที่สุดที่เคยมีมา

สุดท้ายแม้ยังไม่ได้ขัอตกลงหยุดยิง แต่ก็ได้การตกลงที่จะประชุมกันอีก แม้ไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ แต่อาจทำให้ทรัมป์มีความสุข

ที่รัสเซียกังวลไม่ใช่การโจมตีด้วยโดรนของยูเครนเพราะไม่อาจเปลี่ยนผลของสงคราม แต่ที่น่ากังวลคือการวางแผนหวังล้มรัฐบาลปูติน เหมือนที่เคยพยายามมาแล้วในการกบฏวากเนอร์

อนึ่งแม้รัสเซียจะเงียบในคราวถูกโจมตีเครื่องบินรบคราวนี้แต่ก็เชื่อได้ว่ารัสเซียต้องเอาคืนแน่นอน ด้านยุโรปที่รู้ตัวอยู่แล้วว่าสมคบกันทำอะไรก็รีบออกมาโวยว่ารัสเซียจะโจมตียุโรป และจะมีการใช้อาวุธนิวเคลียร์

แต่ผู้เขียนคิดว่าปูตินคงจะไม่บุ่มบ่ามทำการดังกล่าว แม้จะอยู่ในขอบเขตที่จะทำได้ก็ตาม

ก่อนจบขอตั้งข้อสังเกตว่าทำไมเคียร์ สตาร์เมอร์ถึงอยากให้เกิดสงครามทั้งที่ปกติพรรคแรงงานในอดีตไม่มีแรงจูงใจที่จะสนับสนุนการทำสงคราม เรื่องนี้ต้องติดตามประวัติส่วนตัวของสตาร์เมอร์และความเกี่ยวพันกับยิวไซออนิสต์ก็จะเข้าใจชัดขึ้น