วันที่ 5 มิ.ย. 68 แหล่งข่าวจากแพทยสภา กล่าวถึงกรณีกระแสกดดัน เอาคืน ดิสเครดิตแพทยสภาที่มีมติลงโทษแพทย์จำนวน 3 คนที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากรพ.ราชทัณฑ์ไปรักษาตัวที่รพ.ตำรวจ โดยมีการตักเตือนแพทย์ 1 คน พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 3 เดือน 1 คน และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 6 เดือน 1 คน ว่า ตนไม่ทราบเรื่อง แต่ส่วนตัวแล้ว ยังทำงานปกติ ไม่มีใครมากดดัน แต่คนอื่นตนไม่ทราบ
เมื่อถามว่า การประชุมกรรมการแพทยสภาเพื่อลงมติกรณีที่รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา มีการวีโต้มติแพทยสภาให้ลงโทษแพทย์ 3 คน ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ กดดันหรือไม่ แหล่งข่าวจากแพทยสภา กล่าวว่า ตนไม่กดดัน ดำเนินการตามปกติอยู่แล้ว หากจะบอกว่า กดดัน ก็ต้องกดดันทั้งปี เพราะงานเยอะมาก ไม่ใช่เฉพาะเรื่องนี้เรื่องเดียว
เมื่อถามว่า ตามหลักการการประชุมวันที่ 12 มิ.ย. สามารถเลื่อนการลงมติกรณีสภานายกพิเศษฯ โต้คำสั่งได้หรือไม่นั้น แหล่งข่าวจากแพทยสภา กล่าวว่า ถึงอย่างไรก็ต้องประชุม และไม่อาจเลื่อนการลงมติได้ ต้องเป็นไปตามขั้นตอน เพราะถือว่าเป็นคำสั่งทางปกครองที่ต้องออกมาตามขั้นตอน
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาเคยมีหรือไม่ว่าในที่ประชุมกรรมการแพทยสภาไม่ได้พิจารณาลงมติในการประชุมนัดแรก แหล่งข่าวจากแพทยสภา กล่าวว่า ส่วนใหญ่จะพิจารณาหมด แต่เคยมีในบางเรื่องที่ไม่ได้มีการลงมติ เพราะต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติม
ในการลงมติจะมีการเชิญผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย อนุกรรมการที่เคยพิจารณาเรื่องนี้จำเป็นต้องออกจากห้องประชุมหรือไม่ แหล่งข่าวจากแพทยสภา กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายของแพทยสภาอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อกฎหมายว่า ใครที่สามารถอยู่ในห้องประชุมเพื่อพิจารณาและลงมติได้บ้าง
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่รมว.สาธารณสุข จะเข้ามาร่วมประชุมนั้นสามารถทำได้หรือไม่ ถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพราะคือคนวีโต้หรือไม่ แหล่งข่าวจากแพทยสภา กล่าวว่า ก็คงต้องรอฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่า ใครสามารถร่วมประชุมได้