'ภูมิธรรม' ลงพื้นที่ให้กำลังใจทหารชายแดนช่องบก มั่นใจทหารเตรียมพร้อมเต็มร้อยในการดูแลปกป้องอธิปไตย พร้อมย้ำ กองทัพกับการเมืองไม่ขัดแย้งกัน และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือในประเทศต้องเป็นหนึ่งเดียว 


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ และการปฏิบัติที่สำคัญ ของ กกล.สุรนารี เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนหลังเกิดกรณีปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชาที่ช่องบก 

ทั้งนี้ได้รับรายงานสถานการณ์มาโดยตลอด แต่การลงพื้นที่วันนี้ตั้งใจไปให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ในการดูแลและป้อง ปัญหาที่จะเกิดขึ้น

โดยตั้งใจไปดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่าข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดก็ไม่ใช่ เป็นของเก่า ซึ่งข่าวที่ออกมาในขณะนี้บั่นทอนและสร้างความไม่เข้าใจกัน 

พร้อมย้ำว่า นโยบายที่รัฐบาลคิดและสิ่งที่ทำมาตลอด ก็ขอให้ยืนหยัด และยึดมั่นการใช้กำลังทหารในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ ที่ผ่านมารัฐบาลรับรู้มาโดยตลอด ตั้งแต่เหตุเผาศาลาตรีมุข ช่องบก 

โดยขอให้ความมั่นใจว่าหากต้องการใช้งบประมาณในการที่จะทำอะไรต่างๆให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้นรัฐบาลก็ยินดี เพราะในเรื่องอธิปไตยของประเทศเป็นเรื่องสำคัญ 

ซึ่งตอนนี้เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็ก ไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆที่จะมีเพิ่มขึ้นก็ตกลงกันแล้วว่า จะต้องพูดคุยกันิแต่ถ้ามีสิ่งบอกเหตุที่ต้องยกระดับมาตรการก็พร้อมอยู่แล้ว

ทั้งนี้ยืนยันว่าสิ่งที่ทหารทำมีความสมบูรณ์ ไม่มีข้อบกพร่อง ขอให้ทำหน้าที่ของทหารที่จะต้องปกป้องอธิปไตย ซึ่งที่ผ่านมาทหารมีวินัยดีมาก ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญต้องระมัดระวังเพราะถ้าใช้อารมณ์ขึ้นมา มันอาจเกิดความผิดพลาดบานปลายได้ 

พร้อมย้ำว่า ต้องใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด และหากจำเป็นต้องยกระดับผู้เกี่ยวข้องระดับสูง ทั้งแม่ทัพภาคที่ 2 /ผบ.ทบ.และรัฐมนตรีช่วยฯ รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะต้องคุยกัน

นายภูมิธรรม ยังฝากถึงประชาชนว่า ในสถานการณ์ที่ประเทศกำลังเข้าสู่ความขัดแย้ง ระหว่างประเทศ สิ่งสำคัญที่มากที่สุด ก็คือต้องใช้สติ และต้องดูข้อมูลต่างๆอย่างรอบคอบ

ทั้งนี้ยืนยันว่า ในชีวิตไม่เคยเจอนานฮุนเซน แต่กลับมีรูปที่ไม่เหมาะสมในโซเชียล เป็นเรื่องที่แย่มาก หลายเรื่องต้องใช้สติเพราะมีคนต้องการให้เกิดความขัดแย้ง

โดยขอยืนยันว่า การรักษาอธิปไตยของประเทศเป็นสิ่งสำคัญ อย่างแน่นอน 

ทั้งนี้กองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหา และเห็นเหมือนกันว่า ต้องไม่ให้ใครมาละเมิดอธิปไตยอย่างเด็ดขาดขอให้มั่นใจได้ ซึ่งการต่อสู้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือในประเทศต้องเป็นหนึ่งเดียว ถ้าประเทศไม่เป็นหนึ่งเดียวก็อ่อนแอ ซึ่งได้พูดกับกำลังพลและกองทัพไปแล้วว่าไม่ต้องกลัวรัฐบาลเป็นกองหนุนให้