วันที่ 4 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ ร.ต.อ.ณัฐ ปิ่นกระจัน หัวหน้าหน่วยบริการตำรวจทางหลวงด่านช้าง ร.ต.อ.ปณิธาน ใจชื้น ร.ต.ต.วีระ แถมสุข  รอง สว.(ป.) ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล.  จ.ส.ต.ชัยมงคล คล้ายทอง จ.ส.ต.ธงชัย ศรีเรือนงาม  ผบ.หมู่ ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล.  ออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบไปตามถนนทางหลวง หมายเลข 3502  เพื่อป้องกันผู้กระทำผิดกฎหมาย จราจรทางบก ถึงบริเวณ กิโลเมตรที่ 24 - 25 ตำบลหนองมะค่าโมง อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ขงย 528 พิจิตร ขับขี่ซ้อนท้ายกันมาท่าทางมีพิรุธน่าสงสัย จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจให้สัญญาณไฟไซเรน และใช้สัญญาณเสียงให้รถคันดังกล่าวหยุดและเพื่อจะได้ทำการตรวจค้น

เมื่อรถคันดังกล่าวเห็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้หยุดรถเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ ขอตรวจสอบทราบชื่อคนขับคือนายนพดล อายุ 19 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจึงได้ ตรวจค้นตัว ผลการตรวจค้นพบยาเสพยาบ้า จำนวน 10 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ ของผู้ถูกจับ บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สังเกตอาการของนายนพดลฯ มีลักษณะตาลอยๆ ไม่มีสมาธิเหมือนคนเสพยาเสพติดมา จึงได้ขอตรวจปัสสาวะของ นายนพดลฯ ผลการตรวจเบื้องต้นพบสารเสพติดในปัสสาวะของนายนพดลฯ จริง 

สอบถามนายนพดล รับว่าตนได้เสพยาบ้ามาจริง เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.68 โดยได้ซื้อยาบ้ามาจากพ่อค้ายาย้าไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ไม่ทราบอายุ ในพื้นที่ ตำบลหนองขาม อำเภอหนองหญ้าไซ โดยซื้อมาเมื่อเช้าของวันที่ 3 มิ.ย.68 ราคาเม็ดละ 30 บาท ตนซื้อมา 10 เม็ด ก่อนถูกจับตนกำลังจะไปทำงาน กับพ่อ เจ้าหน้าที่จึงถามพ่อนายนพดล  ว่ารู้หรือไม่ว่าลูกชายเสพยาเสพติด พ่อนายนพดล  ตอบว่ารู้  เจ้าหน้าที่ถามว่ารู้แล้วทำไมไม่ห้าม พ่อนายนพดลตอบว่า เห็นลูกทำงานหนักและเหนื่อย ต้องแบกต้องหาม เลยไม่ได้ว่าอะไร  เพราะเขาจะได้มีแรงทำงาน เจ้าหน้าที่จึงได้ตักเตือนพ่อนายนพดล 

จากนั้นได้ควบคุมตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ด่านช้าง โดยกล่าวหาว่า 1. มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย  2. เป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษ โดยผิดกฎหมาย 3. เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย

ทางด้าน พ.ต.ท.โจ เสาร์ประโคน  สารวัตรตำรวจทางหลวงกาญจนบุรี-สุพรรณบุรี ได้เอนทางมาสอบสวนผู้ต้องหาด้วยตัวเองเพื่อจะได้ขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ พร้อมแสดงความห่วงใยผู้ต้องหา เพราะอายุยังน้อย อนาคต ยังมีโอกาส ที่จะก้าวหน้าจึงได้อบรมให้ปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรมของตัวผู้ต้องหาซึ่งเปรียบเสมือนเป็นญาติของตนเอง