วันที่ 4 มิ.ย.68 นพ.ฆนัท ครุธกูล อายุรแพทย์โรคหัวใจ นายกสมาคมโภชนาการเพื่อกีฬาและสุขภาพ โพสต์เฟซบุ๊ก คุยกับหมอฆนัท  กรณี  การเสียชีวิตของดาราชื่อดัง ไพโรจน์ สังวริบุตร ด้วยโรค หลอดเลือดหัวใจอุดตัน โดยมีเนื้อหาดังนี้

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่าน มีเรื่องเศร้า ในวงการบันเทิง
ที่ได้สูญเสียคุณไพโรจน์ สังวรบุตร อดีตพระเอกชื่อดังที่แสดงภาพยนตร์หลายหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องวัยอลวน ซึ่งเป็นหนังที่หมอจำว่าเคยไปดูตอนเด็กๆ ชอบในตัวพระเอกคือคุณไพโรจน์มากเพราะมีเสน่ห์น่ารักหมอขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวคุณไพโรจน์ไว้ณที่นี้ด้วยครับ

วันนี้จึงถือโอกาสขอคุยเรื่องของโรคหัวใจหลอดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุที่พรากชีวิตคุณไพโรจน์ให้จากไปนะครับ คุณไพโรจน์ เสียชีวิตอย่างกะทันหันขณะพักผ่อนที่จังหวัดนครราชสีมา

โดย ลูกสาว เปิดเผยว่า คุณพ่อมีอาการแน่นหน้าอกและวูบหมดสติที่โรงแรม ก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน แม้แพทย์จะพยายามช่วยชีวิตในห้อง CCU อย่างสุดความสามารถ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ ผลชันสูตรยืนยันว่า “หลอดเลือดหัวใจอุดตัน” เป็นสาเหตุหลัก ซึ่งนำไปสู่ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest) ที่อาจคร่าชีวิตได้ในชั่วพริบตา

กรณีนี้สะท้อนถึงความร้ายแรงและคาดเดายากของโรคหัวใจ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีประวัติปัญหาหลอดเลือดหัวใจ

เรื่องราวของคุณไพโรจน์จึงเป็นอุทาหรณ์สำคัญที่เตือนใจให้ประชาชนตระหนักถึงอันตรายของ “วิกฤตเงียบ” นี้ โรคหัวใจ: ภัยร้ายอันดับหนึ่งของโลกและคนไทยครับ

ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า โรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของโลก โดยคร่าชีวิตผู้คนถึง 17.9 ล้านคนต่อปี คิดเป็น 32% ของการเสียชีวิตทั้งหมดทั่วโลก สำหรับประเทศไทย

นพ.ฆนัท ระบุว่า รายงานจากกระทรวงสาธารณสุข ปี 2566 เผยว่า  มีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจราว 60,000 รายต่อปี เฉลี่ยทุก 9 นาที จะมีคนไทยเสียชีวิตจากโรคนี้

ภัยเงียบนี้ มักมาโดยไม่มีสัญญาณเตือน และกรณีของคุณไพโรจน์เป็นตัวอย่างชัดเจนของความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ในทันที

ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน นาทีชีวิตที่ต้องแข่งกับเวลา

ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest) คือภาวะที่หัวใจหยุดทำงานอย่างกะทันหัน
มักเกิดจากหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตันเฉียบพลัน โดยอาจเกิดขึ้นได้แม้ในผู้ที่ไม่เคยมีอาการมาก่อน สถิติที่น่าตกใจคือ:

• 70-80% ของผู้ป่วยเสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาล
• ทุก 1 นาที ที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือ โอกาสรอดชีวิตจะลดลง 7-10%
• หากเกิน 10 นาที โดยไม่มีการช่วยเหลือ โอกาสรอดแทบเป็นศูนย์

กรณีของคุณไพโรจน์แสดงให้เห็นว่า แม้จะมีการส่งต่อรักษาอย่างรวดเร็ว แต่ “นาทีทอง” ในการช่วยชีวิตนั้นสั้นมาก การช่วยเหลือทันท่วงทีด้วยการทำ CPR (การปั๊มหัวใจ) และการใช้ เครื่อง AED (เครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ) จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง การช่วยชีวิตเมื่อเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น

เมื่อพบผู้ที่มีอาการหัวใจหยุดเต้น ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว ดังนี้
1. โทร 1669 เพื่อแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทันที
2. เริ่มทำ CPR (กดหน้าอกอย่างต่อเนื่อง) เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียน
3. ใช้ เครื่อง AED หากมี เพื่อกระตุ้นหัวใจให้กลับมาเต้น
4. รีบนำส่งโรงพยาบาล โดยไม่รอให้ผู้ป่วยฟื้น

ทุกวินาทีมีค่า เพราะหากล่าช้าเกิน 10 นาที โอกาสรอดชีวิตจะน้อยลงอย่างมาก
รู้จักเครื่อง AED: ผู้ช่วยชีวิตในที่สาธารณะ
เครื่อง AED (Automated External Defibrillator) เป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย แม้โดยผู้ที่ไม่มีความรู้ทางการแพทย์ โดยมีคุณสมบัติดังนี้:
ตรวจจับจังหวะหัวใจอัตโนมัติ พร้อมให้คำแนะนำด้วยเสียง
ส่งกระแสไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นหัวใจให้กลับมาเต้น
การใช้ AED ร่วมกับ CPR สามารถเพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้ถึง 70% หากดำเนินการภายใน 3-5 นาทีแรก
ปัจจุบัน สถานที่สาธารณะ เช่น ห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟฟ้า หรือโรงเรียน ควรมีเครื่อง AED พร้อมใช้งาน เพื่อเพิ่มโอกาสในการช่วยชีวิต

การจากไปอย่างกะทันหันของคุณไพโรจน์เป็นเครื่องเตือนใจให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพหัวใจและการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังนี้:

1. ตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีประวัติโรคหัวใจ
2. เรียนรู้การทำ CPR และการใช้ AED เพื่อให้คนรอบข้างพร้อมช่วยชีวิตในยามฉุกเฉิน
3. ติดตั้งเครื่อง AED ในที่สาธารณะ เพื่อเพิ่มโอกาสรอดชีวิตในกรณีหัวใจหยุดเต้น
อย่าปล่อยให้ “วิกฤตเงียบ” พรากชีวิตคนที่คุณรัก

การสูญเสียคุณไพโรจน์ สังวริบุตร ไม่เพียงเป็นความสูญเสียของวงการบันเทิงไทย แต่ยังเป็นอุทาหรณ์ที่สะท้อนถึงความสำคัญของการตระหนักรู้และเตรียมพร้อมรับมือกับโรคหัวใจ ความรู้เรื่องการกู้ชีพและการเข้าถึงเครื่อง AED อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยรักษาชีวิตของคนที่คุณรักใน “นาทีทอง” เพราะเมื่อวิกฤตเงียบมาเยือน ทุกวินาทีคือโอกาสในการมีชีวิตอยู่ต่อไป