วันที่ 3มิ.ย.2568-ปิดฉากลงไปแล้วสำหรับสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน (THAIFA) และ สมาคมที่ปรึกษาการเงินแห่งเอเชียแปซิฟิก (Asia Pacific Financial Services Association – APFinSA ) เป็นเจ้าภาพจัดการสัมมนา Asia Pacific Life Insurance Congress (APLIC)  ครั้งที่ 20 ภายใต้แนวคิด “Create Tomorrow, Today - สร้างพรุ่งนี้ จากวันนี้”   โดยงานนี้มีผู้เข้าร่วมสัมมนาจากภาครัฐ องค์กรและบริษัทประกันชีวิตต่างๆ ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ รวมทั้งสิ้นกว่า 4,500 คน จาก 11 ประเทศ

เข่นกัน ที่พลาดไม่ได้ในการจัดงานนี้เช่นกัน ได้เปิดให้มีการสัมมนาโดยเขิญผู้บริหารระดับสูงของบริษัทประกันชีวิตในประเทศต่างๆ มาแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับทิศทางของธุรกิจประกันชีวิต  ในงานครั้งนี้ได้เชิญทั้ง4ท่านมาให้มุมมองได้แก่ มร. ตัน ฮัก เลห์ ประธานเจ้าหน้าที่ระดับบริหารภูมิภาค ของบริษัทเอไอเอ จำกัด  ,คุณสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) ,Mr. Benedict Sison, CEO and Country Head of Sun Life of Canada และ (Philippines) และMr. Tarun Chugh, MD and CEO - Bajaj Allianz Life Insurance Company Limited

ส่วนเนื้อหาสาระน่าสนใจอย่างไรนั้น ล่าสุดนายบรรยง วิทยวีรศักดิ์ กูรูวงการการเงินและประกันภัย และอดีตประธานสมาคมที่ปรึกษาการเงินแห่งเอเชียแปซิฟิก (APFinSA) ได้โพสต์ภาพพร้อมสรุปเนื้อหาคร่าวๆมาให้ได้อ่านกัน

วิเคราะห์ทิศทางของตัวแทนประกันชีวิต
จาก CEO Forum ในงาน APLIC 

ในงานสัมมนาตัวแทนประกันชีวิตภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก หรือ  Asia Pacific Life Insurance Congress/ APLIC มักจัดให้ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทประกันชีวิตในประเทศต่างๆ มาแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับทิศทางของธุรกิจประกันชีวิตเสมอ

แต่เราในฐานะตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน ต้องมองผลกระทบที่เกิดขึ้นกับอาชีพของเรา ซึ่งในการสัมมนา เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผมได้ข้อคิดจากคำพูดของผู้บริหารระดับสูงบริษัทต่างๆ ดังนี้ 

-มร. ตัน ฮัก เลห์ ประธานเจ้าหน้าที่ระดับบริหารภูมิภาค ของบริษัทเอไอเอ จำกัด  ได้ให้ วิสัยทัศน์และข้อคิดดังนี้

1. ประเทศสิงคโปร์มีประชากรเพียง 4 ล้านคน แต่ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตแล้วถึง 15 ล้านกรมธรรม์ และทุกวันนี้ก็ยังซื้อเพิ่มขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงไม่แปลกใจว่าประเทศไทยและประเทศอื่นๆในภูมิภาคอาเซียน ยังจะเติบโตอีกยาวนาน

2. ตัวแทนประกันชีวิตของบริษัท ไม่ต้องคิดทำอะไรมาก แค่เรียนรู้สิ่งที่บริษัทเตรียมไว้ให้ แล้วนำเครื่องมือเหล่านั้นไปใช้ในทางการตลาด ก็สามารถประสบความสำเร็จได้แล้ว

3. บริษัทประกันชีวิต มีเงินทุนมีทรัพยากรมากมาย สามารถทำได้ทุกอย่าง แต่สิ่งเดียวที่บริษัททำไม่ได้คือไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ ตัวแทนประกันชีวิตเท่านั้นที่ทำสิ่งนี้ได้ และสิ่งเหล่านี้ไม่เคยเปลี่ยน

วิเคราะห์
เป็นที่ชัดเจนว่าธุรกิจประกันชีวิตยังมีเส้นทางอีกยาวไกล คนยังจำเป็นต้องได้รับความคุ้มครอง เพื่อความมั่นคงของชีวิต ไม่ว่าหลักประกันของครอบครัว เงินเกษียณอายุ หรือค่ารักษาพยาบาล และบริษัทยังต้องพึ่งพาตัวแทน เพราะคนส่วนใหญ่ก็ยังซื้อผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตจากความสัมพันธ์

-คุณสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) ได้ให้ข้อมูลและข้อคิดดังนี้

1. สองปีที่ผ่านมาค่ารักษาพยาบาลแพงขึ้นปีละ 14-15% ทำให้พฤติกรรมการซื้อประกันชีวิตของคนเปลี่ยนไป จากเดิมที่ผู้บริโภคเป็นฝ่ายถูกขาย ปัจจุบันเริ่มพบทิศทางว่าผู้บริโภคเริ่มเป็นฝ่ายขอซื้อ

2. 80% ของธุรกรรมประกันสุขภาพ ยังซื้อกรมธรรม์ผ่านบริษัทประกันชีวิต (ตัวเลขเปอร์เซ็นต์ ผมอาจจำคลาดเคลื่อน แต่ก็เป็นส่วนใหญ่)

วิเคราะห์
เป็นความจริงที่ว่า ตอนนี้ลูกค้าบางส่วนเริ่มเป็นฝ่ายถามหาประกันสุขภาพ ถ้าเราวิเคราะห์กันตามจริงแล้ว ข่าวนี้ไม่ได้เป็นข่าวดีสำหรับตัวแทนประกันชีวิตเสียทีเดียว

ที่ผ่านมา ลูกค้าไม่อยากซื้อประกันชีวิต ตัวแทนเป็นฝ่ายบุกไปหาถึงที่บ้าน ที่ทำงาน เพื่อชี้ให้เขาเห็นถึงประโยชน์ของกรมธรรม์ประกันชีวิต เมื่อเขาเข้าใจ จึงซื้อเข้ามา แต่ตอนนี้ผู้บริโภคเองเห็นความจำเป็นที่ต้องมีการป้องกันความเสี่ยง พวกเขาจึงติดต่อเข้ามา และมีความเป็นไปได้ว่าในอนาคต บริษัทก็จะสร้างช่องทางให้ลูกค้าติดต่อเข้ามาที่บริษัทโดยตรง โดยไม่ผ่านตัวแทนประกันชีวิต เพื่อลดต้นทุน 

ดังนั้น สิ่งที่ตัวแทนต้องทำ เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่าการซื้อผ่านตัวแทนได้ประโยชน์มากกว่าคือ คำแนะนำที่ดี และบริการหลังการขาย ที่สามารถติดต่อได้ตลอดเวลาและให้ข้อมูลที่ครบถ้วน

-Mr. Benedict Sison, CEO and Country Head of Sun Life of Canada (Philippines) ได้ให้วิสัยทัศน์และข้อคิดว่า

ในอนาคต ตัวแทนประกันชีวิตกับเทคโนโลยีจะแยกกันไม่ออก บริษัทประกันชีวิตที่ประสบความสำเร็จ คือบริษัทที่ใช้ดิจิตอลมาช่วยในงานของตน

วิเคราะห์
ทุกคนบนเวที CEO Forum ได้พูดตรงกันว่า ในอนาคต เทคโนโลยีจะเข้ามามีส่วนอย่างมากในการทำงาน ทั้งของบริษัทและตัวแทนประกันชีวิต ทุกคนจึงต้องเรียนรู้เทคโนโลยีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เทคโนโลยีจะไม่มาแทนที่ตัวแทนประกันชีวิต แต่ตัวแทนประกันชีวิตที่ไม่ใช้เทคโนโลยี จะถูกทิ้งห่างโดยตัวแทนประกันชีวิตที่นำเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือ

-Mr. Tarun Chugh, MD and CEO - Bajaj Allianz Life Insurance Company Limited ได้ให้ข้อคิดและคำแนะนำดังนี้

ในอนาคต เด็กรุ่นใหม่จะเชื่อข้อมูลในอินเตอร์เน็ตมากกว่าข้อมูลที่พ่อแม่หรือพี่น้องบอก 

วิเคราะห์
เทคโนโลยีจะมีอิทธิพลต่อคนรุ่นใหม่อย่างมาก เขาจะเชื่อข้อมูลในอินเตอร์เน็ตมากกว่าคนรอบตัว เมื่อเขามีข้อสงสัย เขาจะเซิร์ชข้อมูลใน Google หรือถาม AI ดังนั้น ตัวแทนประกันชีวิตต้องถามตัวเองว่า เราจะทำให้ข้อมูลของเราเป็นส่วนหนึ่งในเทคโนโลยีได้อย่างไร คนจะพบกันตัวต่อตัวน้อยลง แต่จะเจอกันในโลกออนไลน์มากขึ้น ผู้ที่มีภาพลักษณ์ทางออนไลน์ที่ดีและมีเครื่องมือทางการตลาดที่เหมาะสม จะเป็นผู้ที่ได้เปรียบกว่า

อันนี้ก็เป็นข้อคิดที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ผมนั่งฟังผู้บริหารจากบริษัทประกันชีวิตต่างๆ มาแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ให้ฟัง ส่วนใครเก็บตกประเด็นไหนได้ หรือมีความคิดเห็นเรื่องใด ขอเชิญแสดงความคิดเห็นในคอมเม้นต์ครับ