ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.68 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบ.ตร.,พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร.,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.,พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. และ พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บชน., เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.5, เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายสืบสวน สน.ท่าเรือ ร่วมกันสืบสวนติดตามตัว 1. นายนรินทร์หรือเบิร์ด อายุ 46 ปี  2. นายธนทรหรือจี อายุ 41 ปี 3. นายภียกรหรือคิง อายุ 27 ปี 4. นายเอกชัยหรือเอกบอด อายุ 42 ปี 5. นายสุวัฒน์หรือเล็ก  อายุ 42 ปี 6. นายสิทธิศักดิ์หรือแบงค์  อายุ 38 ปี

เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.68 เวลาประมาณ 01.20น.ที่เกิดเหตุ ถนนเกษมราษฎร์ บริเวณหน้าโกดัง สเตเดียม แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ คนร้ายก่อเหตุปล้นทรัพย์และขับรถชนนายบุญนาค  อายุ 57 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยการท่าเรือ เสียชีวิต ทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้าย บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 493 ชิ้น รวมมูลค่าประมาณ 65,820 บาท และยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำผิด รถตู้ ยี่ห้อโตโยต้า คันหมายเลขทะเบียน นข 3973 ตาก

พฤติการณ์ในคดีเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 01.20 น. พนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ ได้รับแจ้งเหตุว่ามีกลุ่มคนร้ายจำนวนประมาณ 6 คน ขับรถตู้ หมายเลขทะเบียน นข 3973 ตาก เข้ามาบริเวณโกดังสเตเดียม ถนนท่าเรือ 1 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร และลงมืองัดตู้คอนเทนเนอร์ภายในโกดัง เพื่อทำการลักทรัพย์ (บุหรี่ไฟฟ้า) โดยมี นายบุญนาค  เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของการท่าเรือ เป็นผู้พบเห็นเหตุการณ์ และพยายาม เข้าระงับเหตุ ขณะนั้นกลุ่มคนร้ายได้พากันขึ้นรถตู้พยายามหลบหนีจากจุดเกิดเหตุ และได้ขับรถถอยพุ่งชนรถจักรยานยนต์ ของนายบุญนาค  ขณะกำลังขับขี่ไล่ติดตามกลุ่มคนร้าย ทำให้นายบุญนาค เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และคนร้ายขับรถเฉี่ยวชนรถกระบะของประชาชนที่ขับขี่ผ่านมาในบริเวณที่เกิดเหตุส่งผลให้รถกระบะได้รับความเสียหายไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บชน., เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.5 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายสืบสวน สน.ท่าเรือ ได้ร่วมกันบูรณาการกำลังสืบสวนติดตามคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุในคดีนี้จนทราบผู้ก่อเหตุทั้งหมดจำนวน 6 คน ต่อมาวันที่ 2 มิถุนายน 2568 ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว 5 ราย ประกอบด้วย  1. นายนรินทร์หรือเบิร์ด อายุ 46 ปี 2. นายธนทรหรือจี อายุ 41 ปี 3. นายภียกรหรือคิง อายุ 27 ปี 4. นายเอกชัยหรือเอกบอด  อายุ 42 ปี 5. นายสุวัฒน์หรือเล็ก  อายุ 42 ปี

ซึ่งต้องหากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน สถานที่ราชการหรือสถานที่ที่จัดไว้เพื่อให้บริการสาธารณะที่ตนได้เข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม , ร่วมกันบุกรุกเคหสถาน อาคารเก็บรักษาทรัพย์หรือสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่น ในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และซ่องโจร” ตลอดจนสามารถติดตามตรวจยึดรถตู้คันที่ใช้ก่อเหตุและของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 493 ชิ้น รวมมูลค่าประมาณ  65,820 บาท จากนายดิศรณ์หรือเจ   อายุ 41 ปีซึ่งต้องหากระทำความผิดฐาน “รับของโจรฯ” นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนติดตามจับกุม นายสิทธิศักดิ์หรือแบงค์ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาอย่างต่อเนื่อง ในความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นเพื่อเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้, ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน สถานที่ราชการหรือสถานที่ที่จัดไว้เพื่อให้บริการสาธารณะที่ตนได้เข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ,ร่วมกันบุกรุกเคหสถาน อาคารเก็บรักษาทรัพย์หรือสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่น ในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และซ่องโจร”

ด้าน พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ เป็นไป ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ให้เร่งรัดการสืบสวน ปราบปราม และจับกุมกลุ่มคนร้ายที่กระทำความผิดอุกฉกรรจ์ โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และเป็นที่สนใจของสังคมทั่วไป เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในพื้นที่และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน